ความน่าสนใจของกองทุน  
KT-GCINCOME

กองทุนเปิดเคแทมโกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์
(KT-GCINCOME)

Schroder ISF Global
Credit Income
กองทุนรวมหลัก

ตราสารหนี้ทั่วโลก

ผสมผสานส่วนผสมที่ถูกต้อง
ในสถานการณ์การลงทุนที่ผันผวน

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่น่าสนใจและสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยงในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีทั้งผลตอบแทนต่ำและความผันผวนสูง รูปแบบการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นและไร้ข้อจำกัดในการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตทั่วโลกนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้

 

 

ทำไมถึงต้องเป็น
การลงทุนทั่วโลกในตราสารประเภทเครดิต

 

 

 

 

 

คุณลักษณะหลักของกองทุน

คิดถึงรายได้

มีความยืดหยุ่นในการลงทุนผ่านพันธบัตรและการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตต่างๆ เลือกลงทุนอย่างอิสระผ่านพันธบัตรต่างๆ ทั่วโลก

 

 

มีการบริหารจัดการกองทุนโดยไม่ถูกจำกัดว่าต้องยึดตามเกณฑ์มาตรฐานวัดผลการดำเนินงานใดๆ โดยเราสามารถลงทุนได้ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาคทั่วโลกเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ และเพื่อช่วยลดความเสี่ยงโดยการกระจายการลงทุน

 

กองทุนรวมหลักมีให้เลือกทั้งแบบรับผลตอบแทนรายเดือนและแบบสะสมมูลค่า (อาจหักเงินปันผลออกจากเงินต้น) 
หมายเหตุ : กองทุน KTAM Global Credit Income มีให้เลือกทั้งแบบรับผลตอบแทนรายเดือนและแบบสะสมมูลค่า  

 

ตราสารหนี้เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้ ซึ่งจากการที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นพอร์ตที่มีพันธบัตรต่างๆ อย่างหลากหลายก็อาจจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นพร้อมกับมีความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยเป้าหมายหลักของกองทุนก็คือ การมีผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนรวมทั้งตั้งเป้าที่จะจ่ายผลตอบแทนคงที่ที่อัตรา 4.75% ต่อปี (สำหรับกลุ่ม A  Dis USD และ HKD)   
หมายเหตุ : ที่มาของข้อมูล ณ สิ้นปี 2020

 

 

 

 

 

คิดถึงความมั่นคง

การบริหารจัดการความเสี่ยงที่แม่นยำเพื่อลดความผันผวนให้น้อยลง

 

เราทราบดีว่านักลงทุนที่คาดหวังรายได้สม่ำเสมอย่อมไม่อยากให้มีการสูญเสียเงินต้น พอร์ตตราสารหนี้ที่มีการกระจายความเสี่ยงเป็นอย่างดีและมีการจัดสรรสินทรัพย์แบบยืดหยุ่นนั้นจะช่วยให้กองทุนสามารถลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลงได้ โดยที่มีทั้งการวิเคราะห์ความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลงอย่าง ละเอียดและการบริหารจัดการความเสี่ยงของทั้งอัตราดอกเบี้ยและค่าเงิน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดโอกาสในการขาดทุนและความผันผวนให้น้อยลง

คิดถึงนวัตกรรมใหม่

แนวทางการบริหารจัดการด้วยมุมมองใหม่

 

 

ขั้นตอนการเลือกสรรการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตนั้น เราคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขี้นในอนาคต เช่น สิ่งต่างๆ ที่จะพลิกโฉมไปกับเทคโนโลยี โครงสร้างของประชากรหรือลักษณะของผู้บริโภคที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยในการชี้บ่งถึงบริษัทต่างๆ ที่กำลังปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี

  แนวโน้มตลาดตราสารเครดิตของโลก  

 


ผลตอบแทนที่ต่ำเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนหันไปเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยหวังชดเชยให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาโดยรีบเลือกทางออกแบบง่ายๆ อย่างนี้อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์การลงทุนที่ดีนักเพราะมันอาจทำให้นักลงทุนต้องรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนมาก  

 

ตลอดวงจรของเศรษฐกิจนั้นผลตอบแทนของกลุ่มต่างๆ หรือแม้แต่ภายในกลุ่มย่อยต่างๆ ของตลาดตราสารประเภทเครดิตนั้นอาจมีความแตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนที่มีความยืดหยุ่นในการจัดสรรสินทรัพย์และการเลือกหลักทรัพย์ในช่วงเวลาต่างๆ จะสามารถหาประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้ได้ ตลอดจนสามารถรับประโยชน์จากความหลากหลายของตลาดตราสารประเภทเครดิตและสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากพอร์ตต่างๆ ได้พร้อมลดโอกาสขาดทุน

   สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารเครดิต   

การลงทุนในตราสารหนี้โดยทั่วไปถือว่าเป็นการลงทุนที่มั่นคงและคาดหวังผลตอบแทนได้ง่ายพอสมควร  

การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท หรือที่เรียกว่าตราสารหนี้ภาคเอกชนสามารถให้คุณประโยชน์ได้มากมาย อย่างไรก็ตาม “เครดิต” มีความหมายที่กว้าง ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนในตลาดนี้ลองทดสอบตัวคุณเองดูเสียก่อนเพื่อดูว่าคุณมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตมากแค่ไหน โดยให้คุณตอบคำถามที่จัดเรียงตามระดับต่างๆ ดังนี้ : 

ระดับ 1 > ระดับ 2 > ระดับ 3

ระดับ 1

การลงทุนในตราสารประเภทเครดิตต่างกับตราสารทุนหรือไม่?

เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตและตราสารทุนนั้น ผู้ถือตราสารทุนจะได้รับการจ่ายเงินต้นคืนเป็นลำดับสุดท้ายเมื่อบริษัทเลิกกิจการและมีการชำระบัญชี และเพื่อที่จะชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ผู้ลงทุนในตราสารทุนจึงต้องการผลตอบแทนจากเงินต้นในอัตราที่สูงกว่า ดังนั้นจากการที่มีความเสี่ยงที่สูงกว่า จึงทำให้ตลาดตราสารทุนมีความผันผวนสูงกว่าการลงทุนในตราสารประเภทเครดิตนั่นเอง

หนี้หรือตราสารหนี้ประเภทต่างๆ จะมีลำดับการจ่ายเงินต้นคืนที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของตราสารหนี้ โดย “ตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิแบบมีหลักประกัน” จะได้รับการจ่ายเงินต้นคืนเป็นลำดับแรกเมื่อมีการผิดนัดชำระ (ดอกเบี้ยหรือเงินต้น) เกิดขึ้น ซึ่งผู้เป็นเจ้าของตราสารหนี้ประเภทนี้จะได้รับการจ่ายเงินต้นคืนก่อนเจ้าหนี้หรือผู้ถือตราสารหนี้ประเภทอื่นๆ 

 

 

การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกตราสารคืออะไร? 

การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หมายถึง การประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้ที่ออกตราสารหรือก่อภาระผูกพันทางการเงินประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งดำเนินการประเมินโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s, Standard & Poor’s และ Fitch Ratings คือ 3 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแต่ละแห่งจะมีวิธีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตามวิธีการของตัวเอง แต่โดยทั่วไปนั้นลำดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้จะเริ่มตั้งแต่ AAA ซึ่งหมายถึงอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด ไปจนถึง “การผิดนัดชำระ” ซึ่งหมายถึงอันดับความน่าเชื่อถือต่ำสุด โดย BBB- คืออันดับความน่าเชื่อถือต่ำสุด ในขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือที่ต่ำกว่า BBB- จะถือเป็นตราสารกลุ่ม High Yield (ตราสารหนี้ที่จ่ายผลตอบแทนในอัตราสูง)

 

 

ระดับ 2

ผลประโยชน์และความท้าทายในการลงทุนในตราสารประเภทเครดิต

มีหลากหลายเหตุผลที่นักลงทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเติบโต รายได้ การจัดการ ทรัพย์สินและหนี้สิน การรักษาเงินทุน และการลดความผันผวน อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงหลัก 2 ประการ :  

 

  1. หุ้นกู้ มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลที่ออกให้โดยกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว การผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ที่ลงทุนไว้สามารถทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตลดลงอย่างหนัก ดังนั้นผู้จัดการกองทุนจะต้องที่มีความกระตือรือร้นและจัดทำการวิเคราะห์เครดิตอย่างละเอียดเพื่อทำให้กองทุนมีรายได้สูงที่สุดโดยไม่ให้พอร์ตมีความเสี่ยงเพิ่มมากนัก
     
  2. ความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนในตราสารประเภทเครดิต เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาของตราสารหนี้จะปรับตัวลดลง

 

Credit Spread คืออะไร?

Credit Spread คือ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากระดับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุตราสารใกล้เคียงกันถือได้ว่าเป็นค่าชดเชยที่เจ้าหนี้ หรือผู้ถือตราสารต้องการเพื่อแลกกับความเสี่ยงที่เพิ่มเติม เพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น (ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง การผิดนัดชำระหนี้ ความเสี่ยงทางการเมือง และอื่นๆ)  

Credit Spread = อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้ภาคเอกชน - อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล

 

4 คุณลักษณะของ Credit Spread:

  • มีหน่วยวัดเป็น Basis Points (bps) โดยส่วนต่าง 1% ของผลตอบแทนมีค่าเท่ากับ 100 bps ของ Spread
     
  • แต่ละตราสารจะมี Credit Spread ที่ต่างกันโดยขึ้นอยู่กับคะแนนการประเมินเครดิตของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้
     
  • Credit Spread ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงของผู้ออกหุ้นกู้ก็จะสูงตาม
     
  • โดยทั่วไปแล้ว การผันผวนของ Credit Spread ส่วนมากมีสาเหตุมาจากปัจจัยเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง

 

ระดับ 3

ปัจจัยที่กระทบผลตอบแทนของตราสารเครดิตมีอะไรบ้าง?

Credit Spread เป็นตัวชี้วัดสภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ดี 

 

Credit Spread ที่กว้างขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีความกังวลมากขึ้นในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ในขณะที่ราคาของหุ้นกู้ลดลง อัตราของผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน Credit Spread ที่แคบลงเป็นตัวบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความไว้วางใจมากขึ้นในตราสารหนี้ภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าราคาของหุ้นกู้จะเพิ่มขึ้นอัตราของผลตอบแทนจะปรับตัวลดลง

 

ปัจจัยที่กระทบ Credit Spread 

 

ความเสี่ยงเฉพาะตัว

ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบตัวบริษัทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดโดยเฉพาะเป็นปัจจัยหลักตัวหนึ่งที่จะคอยกระทบ Credit Spread ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อปัจจัยพื้นฐานและฐานะการเงินบริษัทดีขี้น Credit Spread จะผันผวนน้อยลง ผลกระทบสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

 

การเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในช่วงเศรษฐกิจเติบโตรายได้ของบริษัทส่วนมากมีการเติบโต นั่นหมายถึงความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ลดลงส่งผลให้ Credit Spread แคบลง 

 

วัฏจักรเศรษฐกิจ

ราคาและอัตราผลตอนแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนมักจะสมเหตุสมผลในระยะที่เศรษฐกิจขยายตัวหรือมีเสถียรภาพ แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอหรือถดถอยจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารจะเพิ่มขึ้นและเป็นเรื่องที่นักลงทุนจับตามองอย่างมาก

 

โครงสร้างกองทุนเปิดเคแทม
โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์

 

กองทุนเปิดเคแทมโกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์
(KT-GCINCOME)

Schroder ISF Global
Credit Income
กองทุนรวมหลัก

ตราสารหนี้ทั่วโลก

 

นโยบายลงทุน

KT-GCINCOME

กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลัก ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุน ทั่วไป (Retail Fund) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม

กองทุนรวมหลัก

มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ (Income) และการเติบโตของเงินทุน โดยมีนโยบาย ลงทุนอย่างน้อยสองในสามของมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทุนในตราสารหนี้ที่มี อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และ ตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ (High Yield) ที่ออกโดย รัฐบาล, หน่วยงานภาครัฐ, องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ และบริษัททั่วโลก รวมถึงประเทศในตลาดเกิดใหม่

 

 

ประเภทกองทุน

กองทุนรวมตราสารหนี้, กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Feeder Fund

ระดับความเสี่ยงกองทุน

5

กองทุนรวมหลัก

Schroder International Selection Fund - Global Credit Income

ISIN กองทุนรวมหลัก

LU1514167219

บริษัทจัดการ
(กองทุนรวมหลัก)

Schroder Investment Management (Lux)

สกุลเงิน
(กองทุนรวมหลัก)

USD

 

รายละเอียดกองทุนเพิ่มเติม คลิก

Schroders คือใคร

Schroders คือ บริษัทการเงิน การลงทุน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนหลายด้านและพร้อมตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า เราบริหารจัดการกองทุนและรับบริหารเงินให้กับลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงสถาบันต่างๆ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัท ประกันภัย องค์กรการกุศล ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ นักลงทุนรายย่อย

สำหรับ Global Credit ทำไมต้อง Schroders? 

กองทุนนี้มีเครือข่ายทีมผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้ทั่วโลก และทีมนักวิเคราะห์ตราสารหนี้และสินเชื่อเชิงลึก รวมทั้งมีการใช้โมเดลวิเคราะห์ข้อมูล (วิจัยเชิงปริมาณ) ในการประกอบกลยุทธ์ที่หลากหลาย


กองทุนรวมนี้เหมาะกับใคร?


เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ที่ลงทุนในตราสารหนี้รวมถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งผู้ลงทุนเข้าใจต่อความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุนจากการลงทุนได้ทั้งหมด และต้องการโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการนําเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ

ช่องทางการซื้อกองทุนด้วยตนเอง


ผ่านธนาคารกรุงไทย

ผู้สนับสนุนการขายทั่วประเทศ

Click เพื่อค้นหาผู้สนับสนุนการขาย

บลจ.กรุงไทย
โทร 0-2686-6100

Back
To Top