เติมโอกาสมั่งคั่งให้มนุษย์เงินเดือน กับ KTAM SSF Extra
สถานการณ์ของประเทศในช่วงนี้ อาจจะทำให้หลายๆ คน เกิดอาการเครียดสะสม เพราะหลายสิ่งที่คิดอยากจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกไปช้อปปิ้ง พบปะเพื่อนฝูง ไปออกกำลังกาย ไปท่องเที่ยว ถูก Lock! ไว้ทั้งหมด จะมีให้ดีใจอยู่บ้าง ก็การได้ Work From Home นี่แหละ แต่กระนั้น ก็เชื่อเหลือเกินว่า ทุกคนอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็วที่สุด เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ยังคงยืดเยื้อ และไม่รู้ว่าจะลากยาวไปจบเมื่อไหร่?
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ณ เวลานี้ คงขอให้คนไทยทุกคน อดทนสู้ เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วเมื่อใจสู้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะมามองหาโอกาสสะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเองบ้าง โอกาสที่ว่านี้ คือโอกาสสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลดหย่อนภาษีหรือคนที่เคยซื้อกองทุน LTF ที่จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เพื่อลดหย่อนภาษีอยู่แล้ว กับกองทุนที่หลายคนรอคอย นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ หรือ Super Savings Fund Extra (SSFX)
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ณ เวลานี้ คงขอให้คนไทยทุกคน อดทนสู้ เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วเมื่อใจสู้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะมามองหาโอกาสสะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเองบ้าง โอกาสที่ว่านี้ คือโอกาสสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลดหย่อนภาษีหรือคนที่เคยซื้อกองทุน LTF ที่จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เพื่อลดหย่อนภาษีอยู่แล้ว กับกองทุนที่หลายคนรอคอย นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ หรือ Super Savings Fund Extra (SSFX)
ต้องย้ำว่า การลงทุนในหุ้น ยังคงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว แม้เวลานี้ การเก็บเงินสด เตรียมกระสุนสำรองเพื่อรับมือกับวิกฤต จะยังคงจำเป็น แต่การสร้างโอกาสต่อยอดความมั่นคงก็เป็นหนึ่งในความจำเป็นที่ทิ้งไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสที่ราคาหุ้นไทย ปรับตัวลงมาทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายปี และ SSFX ซึ่งกำหนดเงื่อนไขต้องลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใน SET และหรือตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ก็เข้ามาในจังหวะที่เป็นโอกาสนี้พอดี ซึ่งนาทีนี้ มนุษย์เงินเดือนที่ยังคงรับเงินเดือนปกติ แม้จะ Work From Home อยู่ที่บ้าน น่าจะเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมสำหรับการลงทุนใน SSFX มากที่สุด (เป็นกำลังในให้ทุกคนผ่านวิกฤตนี้ไปได้)
กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ หรือ SSFX กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า “ผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนภายในระยะเวลา 3 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 63 จะสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุน SSFX ได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยไม่นับรวมกับวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน SSF แบบปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด (SSF แบบปกติ สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ แล้ว สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี)
นั่นหมายความว่า ซื้อ SSFX เท่าไหร่ ก็สามารถนำยอดซื้อทั้งหมดไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง (ย้ำว่าไม่เกิน 200,000 บาท) และต้องไม่ลืมด้วยว่า SSFX กำหนดระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุนไว้ 10 ปีนับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน (ตอบโจทย์การสร้างโอกาสต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาว)
ข้อย้ำเตือนคือ มนุษย์เงินเดือนคนไหน มีฐานเงินเดือนที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงๆ อยู่แล้ว อย่าลืมว่าปีนี้ คุณจะไม่สามารถนำยอดที่ซื้อกองทุน LTF มาลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น วงเงินหักลดหย่อนภาษี จาก ยอดซื้อ SSF+RMF และ + เงินสะสม PVD และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ รวมกัน จะจำกัดอยู่เพียง 500,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าซื้อ SSFX ตามช่วงเวลาที่กำหนด ท่านจะได้วงเงินไปหักลดหย่อนภาษีเพิ่มอีกทันที หรือได้สิทธิสูงสุดเต็มแมกซ์ 200,000 บาท หรือ ตามที่จ่ายจริง...นาทีนี้ สิทธิอะไรที่เราควรได้ แนะนำว่าต้องใช้ให้คุ้ม
และสำหรับใครที่อยากคว้าทั้งสิทธิลดหย่อนภาษี (ย้ำว่าเพิ่มอีกสูงสุด 200,000 บาท) คว้าทั้งโอกาสสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว จากราคาหุ้นที่ถูกเท่าๆ กับ 10 ปีที่แล้ว
บลจ.กรุงไทย ก็มี 2 กองทุน SSFX เป็นตัวเลือกเช่นกัน นั่นคือ...
บลจ.กรุงไทย ก็มี 2 กองทุน SSFX เป็นตัวเลือกเช่นกัน นั่นคือ...
• กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KTESGS-SSFX) เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ที่ ใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) โดยเน้นลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบชองดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจี ไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index (TR)) ซึ่งเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental ,Social and Governance) ในสัดส่วนที่เท่าหรือใกล้เคียงกับน้ำหนักที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าว
• กองทุนเปิดกรุงไทย 70/30 เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KT70/30S-SSFX) เป็นกองทุนรวมผสม ที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก (Active Management Strategy) และทีมงานบริหารเดียวกันกับกองทุน KTLF 70/30 ซึ่งกองทุนนี้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใน SET และ/หรือ MAI โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุน เป็นต้น
และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนแต่อย่างใด เพราะหากเป็นลูกค้า บลจ.กรุงไทยอยู่แล้ว สามารถกดซื้อ SSFX ทั้ง 2 กองทุน ผ่านแอพพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ทันที ตอบโจทย์ #หยุดอยู่บ้านช่วยชาติ ที่สุด นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้ถือบัตรบัตรเครดิต KTC สามารถใช้ชำระค่าหน่วยลงทุนได้ง่ายๆ (ไม่ต้องไปรูดนอกบ้าน) หรือผู้ลงทุน จะใช้คะแนน KTC Forever ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินลงทุน 100 บาท ก็ทำได้เช่นกันพิเศษสุดๆ สำหรับยอดลงทุนทุกๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินคืน 100 บาท เข้ากองทุน KTSTPLUS ทันที (ได้ทั้งจ่ายเงินสดหรือใช้บัตรเครดิต) เงื่อนไขการรับเงินคืนและเงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ บลจ. กรุงไทยและบัตรเครดิต KTC กำหนด
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษ๊ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / ศึกษารายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. กรุงไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขาย
#อย่าปล่อยให้Covid19ปิดโอกาสเปิดรับความมั่งคั่ง
#KTAMSSFXเติมโอกาสสร้างความมั่งคั่งพร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก2แสนบาท
#ความมั่งคั่งสร้างได้ด้วยตัวคุณเอง
#YesYouCan