สหรัฐฯ
ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐสูงสุดรอบ 8 เดือนในส.ค. เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ค. ดัชนี PMI ได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิต ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 39 เดือน จากระดับ 49.8 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.7 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะขยายตัว (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 235,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 229,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,500 ราย สู่ระดับ 226,500 ราย ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 30,000 ราย สู่ระดับ 1.97 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2564 (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองสูงกว่าคาดในเดือนก.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 4.01 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.92 ล้านยูนิต เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. สต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น 15.7% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.55 ล้านยูนิต นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 422,400 ดอลลาร์ เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 4.6 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด (อินโฟเควสท์)
Conference Board เผยดัชนี LEI ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.ค. Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึงราคาหุ้น คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต การอนุญาตสร้างบ้าน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (อินโฟเควสท์)
เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ -0.3 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +7.0 จากระดับ +15.9 ในเดือนก.ค. ดัชนีภาคการผลิตมีค่าเป็นลบ บ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่ (อินโฟเควสท์)
รายงานประชุมชี้กรรมการเฟดเสียงแตกตรึงดอกเบี้ยเดือนก.ค. วิตกเงินเฟ้อ-ตลาดแรงงาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 ก.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ แม้กรรมการส่วนใหญ่จะมีความเห็นตรงกันว่ายังเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (20 ส.ค.) ระบุว่า กรรมการเฟดเกือบทุกคนมีความเห็นว่า เป็นการเหมาะสมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมครั้งนี้ ยกเว้นมิเชล โบว์แมน รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของเฟด และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดที่โหวตคัดค้านการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ โบว์แมนและวอลเลอร์ต่างก็สนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงอีก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2536 ที่มีผู้ว่าการเฟดมากกว่าหนึ่งคนโหวตคัดค้านการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังระบุว่า โดยรวมแล้ว กรรมการเฟดได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงทั้งสองด้านที่จะมีต่อเป้าหมาย Dual Mandate ของเฟด โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น และความเสี่ยงที่การจ้างงานจะอยู่ในภาวะขาลง โดยแม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นความเสี่ยงที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า แต่ก็มีกรรมการเฟดบางคนแย้งว่า ความเสี่ยงขาลงของการจ้างงานเป็นความเสี่ยงที่สำคัญกว่า (อินโฟเควสท์)
ประธานเฟดแคนซัสซิตีไม่มั่นใจลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. นายเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี แสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดยระบุว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงมีงานต้องทำอีกมากเกี่ยวกับเงินเฟ้อ "ผมคิดว่าเราต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนมาก ๆ ก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ โดยในเดือนกันยายน เราจะมานั่งรอบโต๊ะ และร่วมกันหาข้อสรุป โดยระหว่างนี้จนถึงเดือนกันยายน ยังคงมีหลายเรื่องที่เราต้องพิจารณา" นายชมิดกล่าวในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC นายชมิดกล่าวว่า เขายังไม่มั่นใจว่าเฟดมีความคืบหน้าเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% "เราอาจเห็นเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น โดยอาจใกล้ 3% มากกว่า 2% ทำให้เรายังมีงานต้องทำ" นายชมิดกล่าว (อินโฟเควสท์)
ก.ยุติธรรมสหรัฐเตรียมสอบสวนกรรมการเฟด หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเตรียมสอบสวนนางลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังถูกกล่าวหาว่าทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ นายเอด มาร์ติน เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ระบุว่า คดีของนางคุกจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ นายมาร์ตินได้ส่งหนังสือถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อแจ้งเรื่องการสอบสวนนางคุก และเรียกร้องให้นายพาวเวลปลดนางคุกออกจากคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้ให้อำนาจประธานเฟดในการปลดสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดออกจากตำแหน่ง ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้นางคุกลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาว่าทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ นายบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า นางคุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมา นางคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน นางคุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ นายพูลทียังได้ส่งจดหมายไปยังนางแพม บอนดี รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ โดยระบุว่า FHFA ได้รับเอกสารการกู้เงิน 2 ครั้งของนางคุกในเดือนมิ.ย.และก.ค.2564 และระบุว่า "เธอต้องลาออก เพราะสิ่งที่เธอทำถือเป็นเหตุผลเพียงพอสำหรับการถูกปลดออกจากตำแหน่ง" (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 152.81 จุด กังวลพาวเวลส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจส่งสัญญาณสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน (hawkish) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ นอกจากนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ท (Walmart) ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเช่นกัน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,785.50 จุด ลดลง 152.81 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,370.17 จุด ลดลง 25.61 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,100.31 จุด ลดลง 72.55 จุด หรือ -0.34% หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคร่วงลง 1.18% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.71% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.7% และหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 0.26% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 81 เซนต์ เหตุเจรจาสันติภาพยูเครนไม่แน่นอน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน หลังจากรัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษกันว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล การเจรจาที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงสันติภาพในยูเครนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากรัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษกันว่าทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก โดยล่าสุดรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใกล้ชายแดนยูเครนที่ติดกับสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี ขณะที่ยูเครนได้ทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่งเกินคาด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) หลังมีรายงานบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.41% แตะที่ระดับ 98.619 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.35 เยน จากระดับ 147.27 เยนในวันพุธ (20 ส.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8089 ฟรังก์ จากระดับ 0.8040 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3899 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3872 ดอลลาร์แคนาดา ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1610 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1655 ดอลลาร์ในวันพุธ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3419 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3452 ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 6.9 ดอลลาร์ ตลาดจับตาถ้อยแถลงพาวเวล สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ 3,381.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขุ้น 0.41% แตะที่ระดับ 98.619 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ดีดตัว ก่อนประชุมแจ็กสันโฮลวันนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้ ณ เวลา 19.46 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.306% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.911% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
ดัชนี PMI ขั้นต้นชี้ ภาคเอกชนเยอรมนีโตขึ้นในเดือนส.ค. นำโดยภาคการผลิต ผลสำรวจจาก S&P Global วันนี้ (21 ส.ค.) เผยให้เห็นว่า กิจกรรมในภาคเอกชนของเยอรมนีมีการขยายตัวในเดือนส.ค. และเป็นการแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของเยอรมนีจาก HCOB ได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 ในเดือนส.ค. จาก 50.6 ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว การขยายตัวในครั้งนี้มีภาคการผลิตเป็นแกนนำ โดยดัชนีผลผลิตทะยานขึ้นจาก 50.6 สู่ระดับ 52.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 41 เดือน โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เติบโตในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 แม้ยอดขายจากการส่งออกปรับตัวลดลงก็ตาม ในทางกลับกัน ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นกลับปรับตัวลดลงจาก 50.6 สู่ระดับ 50.1 อันเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน สำหรับดัชนีชี้วัดการจ้างงานโดยรวมในเยอรมนียังคงอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดำเนินมานับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ของปีก่อน ทั้งนี้ การปรับลดตำแหน่งงานในภาคการผลิตมีจำนวนมากกว่าการว่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ ด้านดัชนีต้นทุนปัจจัยการผลิตและดัชนีราคาขายต่างปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับทิศทางในเดือนก.ค. ที่ปรับตัวลดลง โดยการถีบตัวสูงขึ้นของต้นทุนมีสาเหตุหลักมาจากภาคบริการ อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง (อินโฟเควสท์)
ดัชนี PMI ขั้นต้น UK เดือนส.ค. แข็งแกร่งสุดในรอบปี ได้อานิสงส์ภาคบริการ ผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมทางธุรกิจในสหราชอาณาจักร (UK) เดือนส.ค. ได้ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของ UK โดย S&P Global ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.0 ในเดือนส.ค. จาก 51.5 ในเดือนก.ค. นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. ของปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.6 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว การขยายตัวดังกล่าวมีปัจจัยหนุนหลักมาจากภาคบริการ ซึ่งดัชนี PMI ขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.6 ในเดือนส.ค. จาก 51.8 ในเดือนก.ค. ในทางกลับกัน ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นกลับทรุดตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนส.ค. จาก 48.0 ในเดือนก.ค. อันเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ผลสำรวจยังได้บ่งชี้อีกว่า บรรดาบริษัทในภาคบริการได้ปรับขึ้นราคาในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน และบริษัทในทั้งสองภาคส่วนต่างรายงานถึงต้นทุนด้านแรงงานที่สูงขึ้น แม้จะยังปรากฏการลดตำแหน่งงานอยู่บ้าง แต่ก็เกิดขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าในเดือนก.ค. เมื่อมองไปในอนาคต การคาดการณ์กิจกรรมทางธุรกิจสำหรับหนึ่งปีข้างหน้าได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2567 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดทรงตัว นักลงทุนโฟกัสการประชุมแจ็กสันโฮล ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่ขยับในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมที่แจ็กสันโฮลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และในเวลาเดียวกัน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงกรอบการค้าตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 559.07 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.00% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,938.29 จุด ลดลง 34.74 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,293.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.37 จุด หรือ +0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23% หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปปรับตัวลง 0.4% และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค เช่น กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าอุปโภคส่วนบุคคลปรับตัวลง หลังจากที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธ ในทางกลับกัน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวขึ้น 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มกลาโหมดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้จากความคาดหวังต่อข้อตกลงสันติภาพยูเครน-รัสเซีย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 21.06 จุด กลุ่มเฮลท์แคร์-ข้อมูลศก.แกร่งหนุนตลาด ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23% หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น 0.4% ซึ่งช่วยหนุนตลาดในภาพรวม ขณะที่หุ้นบริษัทอุตสาหการบินและกลาโหมปรับตัวขึ้น 1.6% และหุ้นกลุ่มพลังงานบวก 0.4% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากอุปสงค์แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความพยายามยุติสงครามยูเครน (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่น
ดัชนี PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่นยังซบเซาต่อเนื่องในเดือนส.ค. ผลสำรวจจากภาคเอกชนซึ่งเปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของญี่ปุ่นได้หดตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนส.ค. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่นขั้นต้นโดย S&P Global ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.9 จากตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 48.9 ในเดือนก.ค. ทว่ายังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50.0 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่าแม้ยอดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยและดีดตัวกลับสู่แดนขยายตัวได้ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่อุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแอ โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้กดดันอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าญี่ปุ่นจากต่างแดนได้ลดต่ำลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 17 เดือน ซึ่งตอกย้ำถึงสภาวะอันเปราะบางของภาคการผลิตที่ต้องพึ่งพิงการส่งออกเป็นสำคัญ สภาวะดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลการค้าอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 ส.ค.) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดการส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนก.ค.ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 นอกจากนี้ ข้อมูลจากดัชนี PMI ยังชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันต่ออัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในฝั่งของผู้ผลิตนั้น ต้นทุนการผลิตได้ขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของราคาขายสินค้ากลับชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่าสี่ปี (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นอายุ 20 ปีพุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ กังวลรัฐออกบอนด์เพิ่ม-รายใหญ่ลดซื้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังแบบขยายตัว และความต้องการลงทุนที่ลดลงจากนักลงทุนรายใหญ่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (super-long yield) แตะ 2.655% ในวันนี้ (21 ส.ค.) สูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ในปี 2542 ขณะที่พันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.61% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับขึ้นแตะ 3.18% ใกล้กับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3.2% ในเดือนก.ค. นักลงทุนคาดการณ์ว่า รัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังพรรคร่วมรัฐบาลพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสภาสูงเดือนก.ค. ซึ่งอาจเพิ่มการออกพันธบัตรและยิ่งกดดันพันธบัตรระยะยาว ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อก็เป็นอีกปัจจัยกดดันพันธบัตรอายุยาวพิเศษ และสร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่นเล็งประกาศเป้าหมายลงทุน 10 ล้านล้านเยนในอินเดียระหว่าง "โมดี" เยือน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะประกาศเป้าหมายการลงทุนภาคเอกชนในอินเดียเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านเยน (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะมีการประกาศในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนนี้ แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า เป้าหมายใหม่นี้ ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากเป้าหมายเดิมในปี 2565 ที่ตั้งไว้มูลค่า 5 ล้านล้านเยนสำหรับช่วงเวลา 5 ปีนั้น มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้น ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นและอินเดียกำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริม "เสรีและการเปิดกว้างในอินโด-แปซิฟิก" ท่ามกลางการแผ่อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะระบุถึงเป้าหมายดังกล่าวในเอกสารที่จะออกหลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีโมดีมีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองฮิโรชิมาในเดือนพ.ค. 2566 รัฐบาลญี่ปุ่นเคยประกาศไว้เมื่อเดือนมี.ค. 2565 ในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เดินทางเยือนอินเดียว่า ญี่ปุ่นจะตั้งเป้าหมายการลงทุนและการระดมทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนของอินเดียเป็นมูลค่า 5 ล้านล้านเยนในระยะเวลา 5 ปี (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดทรุด 3 วันติด หุ้นกลุ่มชิปยังถูกขายต่อเนื่อง ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบเป็นวันที่สามติดต่อกันในวันนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากบรรดานักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เพื่อทำกำไร หลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 42,610.17 จุด ลดลง 278.38 จุด หรือ -0.65% หุ้นที่ปรับตัวลงนำโดยกลุ่มยา กลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง และกลุ่มขนส่งทางบก (อินโฟเควสท์)
จีน
จีนมุ่งส่งเสริมเงินหยวนในตลาดโลก เตรียมเปิดทางใช้สเตเบิลคอยน์ผูกหยวนครั้งแรก จีนกำลังพิจารณาที่จะอนุญาตให้ใช้สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับเงินหยวนเป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการใช้งานเงินหยวนในระดับโลก โดยการตัดสินใจนี้ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งใหญ่ของจีนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่เคยสั่งห้ามการซื้อขายและขุดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2564 เนื่องจากกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน สภาแห่งรัฐของจีน (คณะรัฐมนตรี) มีแผนทบทวนและอาจอนุมัติโรดแมปสำหรับการใช้เงินหยวนในตลาดโลกภายในเดือนนี้ ซึ่งแผนดังกล่าวคาดว่าจะรวมถึงเป้าหมายการใช้เงินหยวนในตลาดโลก กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ และแนวทางป้องกันความเสี่ยง ผู้นำระดับสูงของจีนคาดว่าจะจัดประชุมศึกษาเรื่องการส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล (yuan internationalisation) และสเตเบิลคอยน์ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะให้คำชี้แนะแนวทางการใช้ และขอบเขตการพัฒนาสเตเบิลคอยน์เชิงธุรกิจ จีนมองว่านวัตกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล ท่ามกลางอิทธิพลของคริปโทฯ ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนของสเตเบิลคอยน์ยังช่วยให้โอนเงินข้ามพรมแดนได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และมีต้นทุนต่ำ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกเล็กน้อย นลท.รอปัจจัยใหม่หนุนตลาด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (21 ส.ค.) โดยดัชนียังคงปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่นักลงทุนรอคอยปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะช่วยหนุนตลาดให้คึกคักอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,771.10 จุด เพิ่มขึ้น 4.89 จุด หรือ +0.13% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดลบ 61.33 จุด จับตาสุนทรพจน์ประธานเฟด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (21 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 25,104.61 จุด ลดลง 61.33 จุด หรือ -0.24% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
PMI ชี้เศรษฐกิจอินเดียเฟื่องฟูเดือนส.ค. หนุนการขึ้นราคาสินค้าแรงสุดในรอบกว่าทศวรรษ ผลสำรวจที่เปิดเผยวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมภาคเอกชนของอินเดียในเดือนส.ค. ขยายตัวในอัตรารวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นำโดยภาคบริการซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันด้านราคาอย่างรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มจะบีบให้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ต้องคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปอีกนาน ข้อมูลจาก S&P Global ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของอินเดียโดย HSBC ทะยานขึ้นสู่ระดับ 65.2 ในเดือนส.ค. จาก 61.1 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 60.5 อย่างมาก ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจในเดือนธ.ค. 2548 และยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ ต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 49 แล้ว ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตเป็นประวัติการณ์นี้คือยอดคำสั่งซื้อใหม่โดยรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 18 ปี โดยเฉพาะอุปสงค์จากต่างประเทศที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทำให้ยอดธุรกิจส่งออกใหม่เติบโตในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 เมื่อแยกตามภาคส่วน พบว่าภาคบริการเป็นหัวหอกในการเติบโต โดยดัชนี PMI ขั้นต้นพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 65.6 ขณะที่ภาคการผลิตก็แสดงความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยดัชนี PMI ขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 59.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้ส่งออกดีดตัว 7.6% ช่วง 20 วันแรกเดือนส.ค. อานิสงส์ดีมานด์ชิป-รถยนต์ สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วงวันที่ 1-20 ส.ค. เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 3.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ที่แข็งแกร่ง เมื่อจำแนกตามประเภทสินค้า ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 29.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 8.71 พันล้านดอลลาร์ โดยยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 24.5% ของยอดส่งออกทั้งหมดของเกาหลีใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้น 4.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกรถยนต์ทะยานขึ้น 21.7% แตะที่ 2.77 พันล้านดอลลาร์ ส่วนยอดส่งออกเรือพุ่งขึ้น 28.9% สู่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ เมื่อจำแนกตามจุดหมายปลายทาง ยอดส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.03 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 6.99 พันล้านดอลลาร์ ด้านยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 3.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้า 800 ล้านดอลลาร์ในช่วง 20 วันแรกของเดือนส.ค. สำหรับเดือนก.ค. ยอดส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 6.08 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ก็ตาม (อินโฟเควสท์)
ดัชนี PPI เกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน หลังราคาสินค้าเกษตร-น้ำมันแพง ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า ราคาสินค้าและบริการของบรรดาซัพพลายเออร์เกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่สูงขึ้น BOK เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.1% ราคาสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และประมง พุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนก.ค. มากกว่าการเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. อันเป็นผลจากราคาผลิตภัณฑ์เกษตรที่สูงขึ้น ราคาผู้ผลิตสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมัน ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาผลิตภัณฑ์ถ่านหินและน้ำมันปรับตัวขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ออปติคัลเพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขหลักเดียว ส่วนราคาไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำประปา ลดลง 1.1% ในเดือนก.ค.จากเดือนมิ.ย. โดยยังมีแนวโน้มขาลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะเดียวกัน ราคาบริการเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับการขนส่ง ร้านอาหารและที่พัก และบริการด้านการเงินและประกันภัย (อินโฟเควสท์)
ตลาดอสังหาฯ เกาหลีใต้เริ่มนิ่ง ปูทาง BOK พิจารณาผ่อนคลายดอกเบี้ย คณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์เกาหลี (REB) เปิดเผยว่า ราคาห้องชุดอยู่อาศัย (อะพาร์ตเมนต์) ในกรุงโซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.09% ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนส.ค. ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 0.1% เมื่อสัปดาห์ก่อน แม้การเติบโตลดลง แต่ราคายังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 29 สะท้อนถึงความต้องการซื้อที่ยังแข็งแกร่ง ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้แสดงแนวโน้มทรงตัว หลังรัฐบาลออกมาตรการลดแรงกดดันจากความต้องการซื้อ โดยราคาที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) พิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 28 ส.ค. ก่อนหน้านี้ BOK คงอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. พร้อมเตือนว่าหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อบ้านยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน หลังจากนั้น อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ยังช่วยสร้างความชัดเจนต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 24.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นแตกต่างกันว่า BOK จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือรอดูสัญญาณความต้องการสินเชื่อและราคาที่อยู่อาศัยต่อไป (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้เตรียมประกาศลงทุนในสหรัฐฯ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ระหว่างซัมมิตกับทรัมป์ หนังสือพิมพ์ฮันคยอเร (Hankyoreh) ของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า กลุ่มบริษัทเอกชนจากเกาหลีใต้เตรียมประกาศแผนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รายงานระบุว่า แผนลงทุนดังกล่าวครอบคลุมทั้งโครงการที่กำลังดำเนินอยู่และโครงการในอนาคต โดยเป็นแผนแยกต่างหากจากเงินลงทุน 3.5 แสนล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ตกลงไว้กับสหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงด้านการค้าเมื่อเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี แม้โครงการลงทุน 1.5 แสนล้านดอลลาร์จะเป็นประเด็นสำคัญในที่ประชุมสุดยอด แต่เจ้าหน้าที่ไม่คาดว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินลงทุน 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า ขนาดของการลงทุนที่จะประกาศในที่ประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังไม่ได้รับการกำหนดชัดเจน ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมีการหารือด้านความมั่นคงควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ เช่น เจย์วาย ลี จากซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics), อึยซุน ชุง จากฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor), เชย์ แท-วอน จากเอสเค (SK) และ กู ควัง-โม จากแอลจี (LG) จะเข้าร่วมในคณะผู้แทนในการเดินทางไปสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ส่วนคิม ดง-กวาน จากกลุ่มฮันวา กรุ๊ป (Hanwha Group), ชุง กี-ซุน จากเอชดี ฮุนได (HD Hyundai) และวอลเตอร์ โช จากฮันจิน กรุ๊ป (Hanjin Group) ก็อาจร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติอินโดฯ คาดเศรษฐกิจโต 5.1% ปีนี้ ได้แรงหนุนจากการบริโภค-ส่งออก-ใช้จ่ายภาครัฐ เพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) เปิดเผยคาดการณ์เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5.03% เมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภค การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาล วาร์จิโยระบุว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ น้ำมันปาล์มดิบ สินค้าเกษตร และประมง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐก็คาดว่าจะยังคงขยายตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์และการลงทุน วาร์จิโยกล่าวในการแถลงข่าวว่า "การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 5.1% และอาจสูงขึ้นอีก" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า ความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลกยังคงเป็นความเสี่ยงในระยะสั้น จึงต้องเฝ้าระวังเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศจากแรงกดดันจากภายนอก สำหรับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น วาร์จิโยเรียกร้องให้ธนาคารต่าง ๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อ โดยชี้ให้เห็นว่า การเติบโตของสินเชื่อลดลงเหลือ 7.03% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี จาก 7.77% ในเดือนมิ.ย. (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติอินโดฯ ตั้งเป้ารักษาเสถียรภาพรูเปียห์ที่ 16,300 ต่อดอลลาร์จนถึงปีหน้า เพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กล่าวในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า BI จะพยายามรักษาอัตราแลกเปลี่ยนรูเปียห์ให้อยู่ที่ราว 16,300 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐไปจนถึงปีหน้า วาร์จิโยระบุว่า BI จะยังคงรักษาเสถียรภาพให้กับค่าเงินรูเปียห์ผ่านการแทรกแซงค่าเงินในตลาดฟอร์เวิร์ดที่ไม่มีการส่งมอบภายในประเทศ (domestic non-deliverable forwards market) และตลาดต่างประเทศ รวมถึงการใช้มาตรการอื่น ๆ ประกอบด้วย ทั้งนี้ BI เพิ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างไม่คาดคิดเมื่อวานนี้ เพื่อเพิ่มการสนับสนุนต่อเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดย BI ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 วาร์จิโยได้เปิดเผยคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5.03% เมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภค การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาล (อินโฟเควสท์)
เจาะเบื้องหลังเวียดนามสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หมื่นล้าน พร้อมปลดล็อกกาสิโนให้คนในประเทศ เขตเศรษฐกิจเวินโด่น (Van Don Economic Zone) ในจังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ทางตอนเหนือของเวียดนาม เตรียมพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและกาสิโนระดับโลก เทียบชั้นมาเก๊าหรือลาสเวกัส ด้วยการเปิดตัวโครงการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท นอกจากตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินจากต่างชาติแล้ว ชาวเวียดนามเองจะได้รับอนุญาตให้เข้าใช้บริการกาสิโนระดับไฮเอนด์แห่งนี้เช่นกัน ซึ่งต่างไปจากกาสิโนส่วนใหญ่ในเวียดนามก่อนหน้านี้ สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญของประเทศ และสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรของเวียดนามที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2569 โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ 244.45 เฮกตาร์ในเขตเศรษฐกิจวันโด่น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศแบบครบวงจรที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวเวียดนามที่มีฐานะทางการเงินดีขึ้น ภายในคอมเพล็กซ์จะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ได้แก่ กาสิโนระดับไฮเอนด์ โรงแรมหรู รีสอร์ต คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ สถานที่จัดประชุม ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา ศูนย์สุขภาพและบริการสปา สวนสนุกและสถานบันเทิงครบวงจรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (อินโฟเควสท์)
รัสเซียชี้ การรับประกันความมั่นคงยูเครนโดยปราศจากรัสเซีย "เป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย" เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุในวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า การหารือเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงของยูเครนโดยไม่มีรัสเซียเกี่ยวข้องด้วยเป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย ลาฟรอฟกล่าวแก่คณะผู้สื่อข่าวในกรุงมอสโกว่า "เราไม่อาจเห็นพ้องด้วยได้กับข้อเสนอที่ให้มีการแก้ไขปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงร่วมกัน โดยปราศจากสหพันธรัฐรัสเซีย แนวทางนี้จะไม่ได้ผล" พร้อมเน้นย้ำว่าชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ รู้ดีว่า "การหารือเรื่องการรับประกันความมั่นคงของยูเครนอย่างจริงจังโดยปราศจากรัสเซียนั้น เป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย" ลาฟรอฟเผยว่า รัสเซียสนับสนุนการรับประกันความมั่นคงจากฝ่ายยุโรปที่ "เชื่อถือได้โดยแท้จริง" ทั้งนี้ ลาฟรอฟกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการประชุมไตรภาคีเกี่ยวกับยูเครนว่า รัสเซียพร้อมที่จะดำเนินการเจรจาทุกรูปแบบ แต่การประชุมระดับสูงใด ๆ ก็ตามควรมีการเตรียมการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้สถานการณ์ปัจจุบันแย่ลงไปอีก (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกกว่า 100 จุด ซื้อขายระมัดระวัง ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 82,000.71 บวก 142.87 จุด หรือ 0.17% หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ (อินโฟเควสท์)
ไทย
ศาลรธน.ขยับนัดคู่คดีคลิปเสียง"ฮุน เซน" แถลงปิดคดี 25 ส.ค. ก่อนลงมติวินิจฉัยตามเดิม 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง ในการไต่สวนพยานทั้ง 2 ปากแล้วเสร็จ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว. 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำตอนหนึ่งในระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันพุธที่ 27 ส.ค.68 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 29 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน ดังนั้น เพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ขอให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาล ภายในวันที่ 25 ส.ค.68 หากไม่ยื่น ถือว่าไม่ติดใจ ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยนั้น ให้เป็นไปตามกำหนดเดิม คือ วันที่ 29 ส.ค.68 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 3.34 จุด เผชิญแรงขาย THAI-กลุ่มแบงก์ แม้แรงซื้อปิโตรหนุน จับตาผลประชุม Jackson Hole SET ปิดวันนี้ที่ 1,244.79 จุด ลดลง 3.34 จุด (-0.27%) มูลค่าซื้อขาย 49,180.56 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวรอติดตามความชัดเจนการเมืองในประเทศ รวมทั้งสัปดาห์หน้า MSCI ปรับน้ำหนักดัชนี โดยวันนี้แม้กลุ่มปิโตรเคมีจะปรับขึ้น แต่ถูกกดดันจากแรงขาย THAI และกลุ่มแบงก์ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์รอผลประชุมรอบ Jackson Hole คืนวันพรุ่งนี้ ให้กรอบแนวรับ 1,240 จุด และแนวต้าน 1,255 จุด การซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีแกว่งทรงตัว โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,243.53 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,254.52 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 205 หลักทรัพย์ ลดลง 251 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 197 หลักทรัพย์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.61 แกว่งแคบทิศทางอ่อนค่า คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.50-32.70 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.57 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 32.53 - 32.63 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางของค่าเงินในภูมิภาค "บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ดูตลาดซึม ๆ ไม่ตอบรับเรื่องคดีคลิปเสียงของนายกฯ" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดรอดูตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ และในวันพรุ่งนี้รอฟังถ้อยแถลงของประธาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยอย่างไร (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 103,212 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 103,212 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 4,593 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ขายสุทธิ 1,359 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 60 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.17% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.01% (อินโฟเควสท์)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐสูงสุดรอบ 8 เดือนในส.ค. เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ค. ดัชนี PMI ได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิต ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 39 เดือน จากระดับ 49.8 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.7 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะขยายตัว (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 235,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 229,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,500 ราย สู่ระดับ 226,500 ราย ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 30,000 ราย สู่ระดับ 1.97 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2564 (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองสูงกว่าคาดในเดือนก.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 4.01 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.92 ล้านยูนิต เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. สต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น 15.7% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.55 ล้านยูนิต นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 422,400 ดอลลาร์ เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 4.6 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด (อินโฟเควสท์)
Conference Board เผยดัชนี LEI ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.ค. Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึงราคาหุ้น คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต การอนุญาตสร้างบ้าน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (อินโฟเควสท์)
เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ -0.3 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +7.0 จากระดับ +15.9 ในเดือนก.ค. ดัชนีภาคการผลิตมีค่าเป็นลบ บ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่ (อินโฟเควสท์)
รายงานประชุมชี้กรรมการเฟดเสียงแตกตรึงดอกเบี้ยเดือนก.ค. วิตกเงินเฟ้อ-ตลาดแรงงาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 ก.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ แม้กรรมการส่วนใหญ่จะมีความเห็นตรงกันว่ายังเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (20 ส.ค.) ระบุว่า กรรมการเฟดเกือบทุกคนมีความเห็นว่า เป็นการเหมาะสมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมครั้งนี้ ยกเว้นมิเชล โบว์แมน รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของเฟด และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดที่โหวตคัดค้านการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ โบว์แมนและวอลเลอร์ต่างก็สนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงอีก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2536 ที่มีผู้ว่าการเฟดมากกว่าหนึ่งคนโหวตคัดค้านการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังระบุว่า โดยรวมแล้ว กรรมการเฟดได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงทั้งสองด้านที่จะมีต่อเป้าหมาย Dual Mandate ของเฟด โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น และความเสี่ยงที่การจ้างงานจะอยู่ในภาวะขาลง โดยแม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นความเสี่ยงที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า แต่ก็มีกรรมการเฟดบางคนแย้งว่า ความเสี่ยงขาลงของการจ้างงานเป็นความเสี่ยงที่สำคัญกว่า (อินโฟเควสท์)
ประธานเฟดแคนซัสซิตีไม่มั่นใจลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. นายเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี แสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดยระบุว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงมีงานต้องทำอีกมากเกี่ยวกับเงินเฟ้อ "ผมคิดว่าเราต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนมาก ๆ ก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ โดยในเดือนกันยายน เราจะมานั่งรอบโต๊ะ และร่วมกันหาข้อสรุป โดยระหว่างนี้จนถึงเดือนกันยายน ยังคงมีหลายเรื่องที่เราต้องพิจารณา" นายชมิดกล่าวในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC นายชมิดกล่าวว่า เขายังไม่มั่นใจว่าเฟดมีความคืบหน้าเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% "เราอาจเห็นเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น โดยอาจใกล้ 3% มากกว่า 2% ทำให้เรายังมีงานต้องทำ" นายชมิดกล่าว (อินโฟเควสท์)
ก.ยุติธรรมสหรัฐเตรียมสอบสวนกรรมการเฟด หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเตรียมสอบสวนนางลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังถูกกล่าวหาว่าทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ นายเอด มาร์ติน เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ระบุว่า คดีของนางคุกจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ นายมาร์ตินได้ส่งหนังสือถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อแจ้งเรื่องการสอบสวนนางคุก และเรียกร้องให้นายพาวเวลปลดนางคุกออกจากคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้ให้อำนาจประธานเฟดในการปลดสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดออกจากตำแหน่ง ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้นางคุกลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาว่าทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ นายบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า นางคุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมา นางคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน นางคุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ นายพูลทียังได้ส่งจดหมายไปยังนางแพม บอนดี รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ โดยระบุว่า FHFA ได้รับเอกสารการกู้เงิน 2 ครั้งของนางคุกในเดือนมิ.ย.และก.ค.2564 และระบุว่า "เธอต้องลาออก เพราะสิ่งที่เธอทำถือเป็นเหตุผลเพียงพอสำหรับการถูกปลดออกจากตำแหน่ง" (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 152.81 จุด กังวลพาวเวลส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจส่งสัญญาณสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน (hawkish) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ นอกจากนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ท (Walmart) ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเช่นกัน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,785.50 จุด ลดลง 152.81 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,370.17 จุด ลดลง 25.61 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,100.31 จุด ลดลง 72.55 จุด หรือ -0.34% หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคร่วงลง 1.18% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.71% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.7% และหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 0.26% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 81 เซนต์ เหตุเจรจาสันติภาพยูเครนไม่แน่นอน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน หลังจากรัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษกันว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล การเจรจาที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงสันติภาพในยูเครนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากรัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษกันว่าทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก โดยล่าสุดรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใกล้ชายแดนยูเครนที่ติดกับสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี ขณะที่ยูเครนได้ทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่งเกินคาด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) หลังมีรายงานบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.41% แตะที่ระดับ 98.619 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.35 เยน จากระดับ 147.27 เยนในวันพุธ (20 ส.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8089 ฟรังก์ จากระดับ 0.8040 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3899 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3872 ดอลลาร์แคนาดา ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1610 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1655 ดอลลาร์ในวันพุธ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3419 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3452 ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 6.9 ดอลลาร์ ตลาดจับตาถ้อยแถลงพาวเวล สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ 3,381.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขุ้น 0.41% แตะที่ระดับ 98.619 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ดีดตัว ก่อนประชุมแจ็กสันโฮลวันนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้ ณ เวลา 19.46 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.306% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.911% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
ดัชนี PMI ขั้นต้นชี้ ภาคเอกชนเยอรมนีโตขึ้นในเดือนส.ค. นำโดยภาคการผลิต ผลสำรวจจาก S&P Global วันนี้ (21 ส.ค.) เผยให้เห็นว่า กิจกรรมในภาคเอกชนของเยอรมนีมีการขยายตัวในเดือนส.ค. และเป็นการแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของเยอรมนีจาก HCOB ได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 ในเดือนส.ค. จาก 50.6 ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว การขยายตัวในครั้งนี้มีภาคการผลิตเป็นแกนนำ โดยดัชนีผลผลิตทะยานขึ้นจาก 50.6 สู่ระดับ 52.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 41 เดือน โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เติบโตในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 แม้ยอดขายจากการส่งออกปรับตัวลดลงก็ตาม ในทางกลับกัน ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นกลับปรับตัวลดลงจาก 50.6 สู่ระดับ 50.1 อันเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน สำหรับดัชนีชี้วัดการจ้างงานโดยรวมในเยอรมนียังคงอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดำเนินมานับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ของปีก่อน ทั้งนี้ การปรับลดตำแหน่งงานในภาคการผลิตมีจำนวนมากกว่าการว่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ ด้านดัชนีต้นทุนปัจจัยการผลิตและดัชนีราคาขายต่างปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับทิศทางในเดือนก.ค. ที่ปรับตัวลดลง โดยการถีบตัวสูงขึ้นของต้นทุนมีสาเหตุหลักมาจากภาคบริการ อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง (อินโฟเควสท์)
ดัชนี PMI ขั้นต้น UK เดือนส.ค. แข็งแกร่งสุดในรอบปี ได้อานิสงส์ภาคบริการ ผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมทางธุรกิจในสหราชอาณาจักร (UK) เดือนส.ค. ได้ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของ UK โดย S&P Global ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.0 ในเดือนส.ค. จาก 51.5 ในเดือนก.ค. นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. ของปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.6 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว การขยายตัวดังกล่าวมีปัจจัยหนุนหลักมาจากภาคบริการ ซึ่งดัชนี PMI ขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.6 ในเดือนส.ค. จาก 51.8 ในเดือนก.ค. ในทางกลับกัน ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นกลับทรุดตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนส.ค. จาก 48.0 ในเดือนก.ค. อันเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ผลสำรวจยังได้บ่งชี้อีกว่า บรรดาบริษัทในภาคบริการได้ปรับขึ้นราคาในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน และบริษัทในทั้งสองภาคส่วนต่างรายงานถึงต้นทุนด้านแรงงานที่สูงขึ้น แม้จะยังปรากฏการลดตำแหน่งงานอยู่บ้าง แต่ก็เกิดขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าในเดือนก.ค. เมื่อมองไปในอนาคต การคาดการณ์กิจกรรมทางธุรกิจสำหรับหนึ่งปีข้างหน้าได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2567 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดทรงตัว นักลงทุนโฟกัสการประชุมแจ็กสันโฮล ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่ขยับในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมที่แจ็กสันโฮลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และในเวลาเดียวกัน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงกรอบการค้าตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 559.07 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.00% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,938.29 จุด ลดลง 34.74 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,293.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.37 จุด หรือ +0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23% หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปปรับตัวลง 0.4% และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค เช่น กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าอุปโภคส่วนบุคคลปรับตัวลง หลังจากที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธ ในทางกลับกัน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวขึ้น 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มกลาโหมดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้จากความคาดหวังต่อข้อตกลงสันติภาพยูเครน-รัสเซีย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 21.06 จุด กลุ่มเฮลท์แคร์-ข้อมูลศก.แกร่งหนุนตลาด ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23% หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น 0.4% ซึ่งช่วยหนุนตลาดในภาพรวม ขณะที่หุ้นบริษัทอุตสาหการบินและกลาโหมปรับตัวขึ้น 1.6% และหุ้นกลุ่มพลังงานบวก 0.4% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากอุปสงค์แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความพยายามยุติสงครามยูเครน (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่น
ดัชนี PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่นยังซบเซาต่อเนื่องในเดือนส.ค. ผลสำรวจจากภาคเอกชนซึ่งเปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของญี่ปุ่นได้หดตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนส.ค. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่นขั้นต้นโดย S&P Global ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.9 จากตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 48.9 ในเดือนก.ค. ทว่ายังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50.0 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่าแม้ยอดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยและดีดตัวกลับสู่แดนขยายตัวได้ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่อุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแอ โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้กดดันอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าญี่ปุ่นจากต่างแดนได้ลดต่ำลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 17 เดือน ซึ่งตอกย้ำถึงสภาวะอันเปราะบางของภาคการผลิตที่ต้องพึ่งพิงการส่งออกเป็นสำคัญ สภาวะดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลการค้าอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 ส.ค.) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดการส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนก.ค.ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 นอกจากนี้ ข้อมูลจากดัชนี PMI ยังชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันต่ออัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในฝั่งของผู้ผลิตนั้น ต้นทุนการผลิตได้ขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของราคาขายสินค้ากลับชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่าสี่ปี (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นอายุ 20 ปีพุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ กังวลรัฐออกบอนด์เพิ่ม-รายใหญ่ลดซื้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังแบบขยายตัว และความต้องการลงทุนที่ลดลงจากนักลงทุนรายใหญ่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (super-long yield) แตะ 2.655% ในวันนี้ (21 ส.ค.) สูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ในปี 2542 ขณะที่พันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.61% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับขึ้นแตะ 3.18% ใกล้กับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3.2% ในเดือนก.ค. นักลงทุนคาดการณ์ว่า รัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังพรรคร่วมรัฐบาลพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสภาสูงเดือนก.ค. ซึ่งอาจเพิ่มการออกพันธบัตรและยิ่งกดดันพันธบัตรระยะยาว ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อก็เป็นอีกปัจจัยกดดันพันธบัตรอายุยาวพิเศษ และสร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่นเล็งประกาศเป้าหมายลงทุน 10 ล้านล้านเยนในอินเดียระหว่าง "โมดี" เยือน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะประกาศเป้าหมายการลงทุนภาคเอกชนในอินเดียเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านเยน (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะมีการประกาศในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนนี้ แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า เป้าหมายใหม่นี้ ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากเป้าหมายเดิมในปี 2565 ที่ตั้งไว้มูลค่า 5 ล้านล้านเยนสำหรับช่วงเวลา 5 ปีนั้น มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้น ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นและอินเดียกำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริม "เสรีและการเปิดกว้างในอินโด-แปซิฟิก" ท่ามกลางการแผ่อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะระบุถึงเป้าหมายดังกล่าวในเอกสารที่จะออกหลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีโมดีมีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองฮิโรชิมาในเดือนพ.ค. 2566 รัฐบาลญี่ปุ่นเคยประกาศไว้เมื่อเดือนมี.ค. 2565 ในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เดินทางเยือนอินเดียว่า ญี่ปุ่นจะตั้งเป้าหมายการลงทุนและการระดมทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนของอินเดียเป็นมูลค่า 5 ล้านล้านเยนในระยะเวลา 5 ปี (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดทรุด 3 วันติด หุ้นกลุ่มชิปยังถูกขายต่อเนื่อง ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบเป็นวันที่สามติดต่อกันในวันนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากบรรดานักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เพื่อทำกำไร หลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 42,610.17 จุด ลดลง 278.38 จุด หรือ -0.65% หุ้นที่ปรับตัวลงนำโดยกลุ่มยา กลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง และกลุ่มขนส่งทางบก (อินโฟเควสท์)
จีน
จีนมุ่งส่งเสริมเงินหยวนในตลาดโลก เตรียมเปิดทางใช้สเตเบิลคอยน์ผูกหยวนครั้งแรก จีนกำลังพิจารณาที่จะอนุญาตให้ใช้สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับเงินหยวนเป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการใช้งานเงินหยวนในระดับโลก โดยการตัดสินใจนี้ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งใหญ่ของจีนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่เคยสั่งห้ามการซื้อขายและขุดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2564 เนื่องจากกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน สภาแห่งรัฐของจีน (คณะรัฐมนตรี) มีแผนทบทวนและอาจอนุมัติโรดแมปสำหรับการใช้เงินหยวนในตลาดโลกภายในเดือนนี้ ซึ่งแผนดังกล่าวคาดว่าจะรวมถึงเป้าหมายการใช้เงินหยวนในตลาดโลก กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ และแนวทางป้องกันความเสี่ยง ผู้นำระดับสูงของจีนคาดว่าจะจัดประชุมศึกษาเรื่องการส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล (yuan internationalisation) และสเตเบิลคอยน์ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะให้คำชี้แนะแนวทางการใช้ และขอบเขตการพัฒนาสเตเบิลคอยน์เชิงธุรกิจ จีนมองว่านวัตกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล ท่ามกลางอิทธิพลของคริปโทฯ ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนของสเตเบิลคอยน์ยังช่วยให้โอนเงินข้ามพรมแดนได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และมีต้นทุนต่ำ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกเล็กน้อย นลท.รอปัจจัยใหม่หนุนตลาด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (21 ส.ค.) โดยดัชนียังคงปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่นักลงทุนรอคอยปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะช่วยหนุนตลาดให้คึกคักอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,771.10 จุด เพิ่มขึ้น 4.89 จุด หรือ +0.13% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดลบ 61.33 จุด จับตาสุนทรพจน์ประธานเฟด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (21 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 25,104.61 จุด ลดลง 61.33 จุด หรือ -0.24% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
PMI ชี้เศรษฐกิจอินเดียเฟื่องฟูเดือนส.ค. หนุนการขึ้นราคาสินค้าแรงสุดในรอบกว่าทศวรรษ ผลสำรวจที่เปิดเผยวันนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า กิจกรรมภาคเอกชนของอินเดียในเดือนส.ค. ขยายตัวในอัตรารวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นำโดยภาคบริการซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันด้านราคาอย่างรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มจะบีบให้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ต้องคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปอีกนาน ข้อมูลจาก S&P Global ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของอินเดียโดย HSBC ทะยานขึ้นสู่ระดับ 65.2 ในเดือนส.ค. จาก 61.1 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 60.5 อย่างมาก ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจในเดือนธ.ค. 2548 และยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ ต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 49 แล้ว ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตเป็นประวัติการณ์นี้คือยอดคำสั่งซื้อใหม่โดยรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 18 ปี โดยเฉพาะอุปสงค์จากต่างประเทศที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทำให้ยอดธุรกิจส่งออกใหม่เติบโตในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 เมื่อแยกตามภาคส่วน พบว่าภาคบริการเป็นหัวหอกในการเติบโต โดยดัชนี PMI ขั้นต้นพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 65.6 ขณะที่ภาคการผลิตก็แสดงความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยดัชนี PMI ขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 59.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้ส่งออกดีดตัว 7.6% ช่วง 20 วันแรกเดือนส.ค. อานิสงส์ดีมานด์ชิป-รถยนต์ สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วงวันที่ 1-20 ส.ค. เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 3.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ที่แข็งแกร่ง เมื่อจำแนกตามประเภทสินค้า ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 29.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 8.71 พันล้านดอลลาร์ โดยยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 24.5% ของยอดส่งออกทั้งหมดของเกาหลีใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้น 4.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกรถยนต์ทะยานขึ้น 21.7% แตะที่ 2.77 พันล้านดอลลาร์ ส่วนยอดส่งออกเรือพุ่งขึ้น 28.9% สู่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ เมื่อจำแนกตามจุดหมายปลายทาง ยอดส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.03 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 6.99 พันล้านดอลลาร์ ด้านยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 3.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้า 800 ล้านดอลลาร์ในช่วง 20 วันแรกของเดือนส.ค. สำหรับเดือนก.ค. ยอดส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 6.08 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ก็ตาม (อินโฟเควสท์)
ดัชนี PPI เกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน หลังราคาสินค้าเกษตร-น้ำมันแพง ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า ราคาสินค้าและบริการของบรรดาซัพพลายเออร์เกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่สูงขึ้น BOK เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.1% ราคาสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และประมง พุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนก.ค. มากกว่าการเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. อันเป็นผลจากราคาผลิตภัณฑ์เกษตรที่สูงขึ้น ราคาผู้ผลิตสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมัน ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาผลิตภัณฑ์ถ่านหินและน้ำมันปรับตัวขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ออปติคัลเพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขหลักเดียว ส่วนราคาไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำประปา ลดลง 1.1% ในเดือนก.ค.จากเดือนมิ.ย. โดยยังมีแนวโน้มขาลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะเดียวกัน ราคาบริการเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับการขนส่ง ร้านอาหารและที่พัก และบริการด้านการเงินและประกันภัย (อินโฟเควสท์)
ตลาดอสังหาฯ เกาหลีใต้เริ่มนิ่ง ปูทาง BOK พิจารณาผ่อนคลายดอกเบี้ย คณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์เกาหลี (REB) เปิดเผยว่า ราคาห้องชุดอยู่อาศัย (อะพาร์ตเมนต์) ในกรุงโซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.09% ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนส.ค. ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 0.1% เมื่อสัปดาห์ก่อน แม้การเติบโตลดลง แต่ราคายังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 29 สะท้อนถึงความต้องการซื้อที่ยังแข็งแกร่ง ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้แสดงแนวโน้มทรงตัว หลังรัฐบาลออกมาตรการลดแรงกดดันจากความต้องการซื้อ โดยราคาที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) พิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 28 ส.ค. ก่อนหน้านี้ BOK คงอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. พร้อมเตือนว่าหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อบ้านยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน หลังจากนั้น อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ยังช่วยสร้างความชัดเจนต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 24.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นแตกต่างกันว่า BOK จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือรอดูสัญญาณความต้องการสินเชื่อและราคาที่อยู่อาศัยต่อไป (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้เตรียมประกาศลงทุนในสหรัฐฯ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ระหว่างซัมมิตกับทรัมป์ หนังสือพิมพ์ฮันคยอเร (Hankyoreh) ของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า กลุ่มบริษัทเอกชนจากเกาหลีใต้เตรียมประกาศแผนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รายงานระบุว่า แผนลงทุนดังกล่าวครอบคลุมทั้งโครงการที่กำลังดำเนินอยู่และโครงการในอนาคต โดยเป็นแผนแยกต่างหากจากเงินลงทุน 3.5 แสนล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ตกลงไว้กับสหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงด้านการค้าเมื่อเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี แม้โครงการลงทุน 1.5 แสนล้านดอลลาร์จะเป็นประเด็นสำคัญในที่ประชุมสุดยอด แต่เจ้าหน้าที่ไม่คาดว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินลงทุน 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า ขนาดของการลงทุนที่จะประกาศในที่ประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังไม่ได้รับการกำหนดชัดเจน ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมีการหารือด้านความมั่นคงควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ เช่น เจย์วาย ลี จากซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics), อึยซุน ชุง จากฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor), เชย์ แท-วอน จากเอสเค (SK) และ กู ควัง-โม จากแอลจี (LG) จะเข้าร่วมในคณะผู้แทนในการเดินทางไปสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ส่วนคิม ดง-กวาน จากกลุ่มฮันวา กรุ๊ป (Hanwha Group), ชุง กี-ซุน จากเอชดี ฮุนได (HD Hyundai) และวอลเตอร์ โช จากฮันจิน กรุ๊ป (Hanjin Group) ก็อาจร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติอินโดฯ คาดเศรษฐกิจโต 5.1% ปีนี้ ได้แรงหนุนจากการบริโภค-ส่งออก-ใช้จ่ายภาครัฐ เพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) เปิดเผยคาดการณ์เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5.03% เมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภค การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาล วาร์จิโยระบุว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ น้ำมันปาล์มดิบ สินค้าเกษตร และประมง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐก็คาดว่าจะยังคงขยายตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์และการลงทุน วาร์จิโยกล่าวในการแถลงข่าวว่า "การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 5.1% และอาจสูงขึ้นอีก" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า ความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลกยังคงเป็นความเสี่ยงในระยะสั้น จึงต้องเฝ้าระวังเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศจากแรงกดดันจากภายนอก สำหรับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น วาร์จิโยเรียกร้องให้ธนาคารต่าง ๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อ โดยชี้ให้เห็นว่า การเติบโตของสินเชื่อลดลงเหลือ 7.03% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี จาก 7.77% ในเดือนมิ.ย. (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติอินโดฯ ตั้งเป้ารักษาเสถียรภาพรูเปียห์ที่ 16,300 ต่อดอลลาร์จนถึงปีหน้า เพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กล่าวในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า BI จะพยายามรักษาอัตราแลกเปลี่ยนรูเปียห์ให้อยู่ที่ราว 16,300 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐไปจนถึงปีหน้า วาร์จิโยระบุว่า BI จะยังคงรักษาเสถียรภาพให้กับค่าเงินรูเปียห์ผ่านการแทรกแซงค่าเงินในตลาดฟอร์เวิร์ดที่ไม่มีการส่งมอบภายในประเทศ (domestic non-deliverable forwards market) และตลาดต่างประเทศ รวมถึงการใช้มาตรการอื่น ๆ ประกอบด้วย ทั้งนี้ BI เพิ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างไม่คาดคิดเมื่อวานนี้ เพื่อเพิ่มการสนับสนุนต่อเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดย BI ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 วาร์จิโยได้เปิดเผยคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5.03% เมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภค การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาล (อินโฟเควสท์)
เจาะเบื้องหลังเวียดนามสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หมื่นล้าน พร้อมปลดล็อกกาสิโนให้คนในประเทศ เขตเศรษฐกิจเวินโด่น (Van Don Economic Zone) ในจังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ทางตอนเหนือของเวียดนาม เตรียมพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและกาสิโนระดับโลก เทียบชั้นมาเก๊าหรือลาสเวกัส ด้วยการเปิดตัวโครงการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท นอกจากตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินจากต่างชาติแล้ว ชาวเวียดนามเองจะได้รับอนุญาตให้เข้าใช้บริการกาสิโนระดับไฮเอนด์แห่งนี้เช่นกัน ซึ่งต่างไปจากกาสิโนส่วนใหญ่ในเวียดนามก่อนหน้านี้ สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญของประเทศ และสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรของเวียดนามที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2569 โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ 244.45 เฮกตาร์ในเขตเศรษฐกิจวันโด่น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศแบบครบวงจรที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวเวียดนามที่มีฐานะทางการเงินดีขึ้น ภายในคอมเพล็กซ์จะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ได้แก่ กาสิโนระดับไฮเอนด์ โรงแรมหรู รีสอร์ต คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ สถานที่จัดประชุม ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา ศูนย์สุขภาพและบริการสปา สวนสนุกและสถานบันเทิงครบวงจรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (อินโฟเควสท์)
รัสเซียชี้ การรับประกันความมั่นคงยูเครนโดยปราศจากรัสเซีย "เป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย" เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุในวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า การหารือเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงของยูเครนโดยไม่มีรัสเซียเกี่ยวข้องด้วยเป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย ลาฟรอฟกล่าวแก่คณะผู้สื่อข่าวในกรุงมอสโกว่า "เราไม่อาจเห็นพ้องด้วยได้กับข้อเสนอที่ให้มีการแก้ไขปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงร่วมกัน โดยปราศจากสหพันธรัฐรัสเซีย แนวทางนี้จะไม่ได้ผล" พร้อมเน้นย้ำว่าชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ รู้ดีว่า "การหารือเรื่องการรับประกันความมั่นคงของยูเครนอย่างจริงจังโดยปราศจากรัสเซียนั้น เป็นหนทางที่ไร้จุดหมาย" ลาฟรอฟเผยว่า รัสเซียสนับสนุนการรับประกันความมั่นคงจากฝ่ายยุโรปที่ "เชื่อถือได้โดยแท้จริง" ทั้งนี้ ลาฟรอฟกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการประชุมไตรภาคีเกี่ยวกับยูเครนว่า รัสเซียพร้อมที่จะดำเนินการเจรจาทุกรูปแบบ แต่การประชุมระดับสูงใด ๆ ก็ตามควรมีการเตรียมการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้สถานการณ์ปัจจุบันแย่ลงไปอีก (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกกว่า 100 จุด ซื้อขายระมัดระวัง ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 82,000.71 บวก 142.87 จุด หรือ 0.17% หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ (อินโฟเควสท์)
ไทย
ศาลรธน.ขยับนัดคู่คดีคลิปเสียง"ฮุน เซน" แถลงปิดคดี 25 ส.ค. ก่อนลงมติวินิจฉัยตามเดิม 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง ในการไต่สวนพยานทั้ง 2 ปากแล้วเสร็จ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว. 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำตอนหนึ่งในระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันพุธที่ 27 ส.ค.68 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 29 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน ดังนั้น เพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ขอให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาล ภายในวันที่ 25 ส.ค.68 หากไม่ยื่น ถือว่าไม่ติดใจ ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยนั้น ให้เป็นไปตามกำหนดเดิม คือ วันที่ 29 ส.ค.68 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 3.34 จุด เผชิญแรงขาย THAI-กลุ่มแบงก์ แม้แรงซื้อปิโตรหนุน จับตาผลประชุม Jackson Hole SET ปิดวันนี้ที่ 1,244.79 จุด ลดลง 3.34 จุด (-0.27%) มูลค่าซื้อขาย 49,180.56 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวรอติดตามความชัดเจนการเมืองในประเทศ รวมทั้งสัปดาห์หน้า MSCI ปรับน้ำหนักดัชนี โดยวันนี้แม้กลุ่มปิโตรเคมีจะปรับขึ้น แต่ถูกกดดันจากแรงขาย THAI และกลุ่มแบงก์ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์รอผลประชุมรอบ Jackson Hole คืนวันพรุ่งนี้ ให้กรอบแนวรับ 1,240 จุด และแนวต้าน 1,255 จุด การซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีแกว่งทรงตัว โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,243.53 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,254.52 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 205 หลักทรัพย์ ลดลง 251 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 197 หลักทรัพย์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.61 แกว่งแคบทิศทางอ่อนค่า คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.50-32.70 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.57 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 32.53 - 32.63 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางของค่าเงินในภูมิภาค "บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ดูตลาดซึม ๆ ไม่ตอบรับเรื่องคดีคลิปเสียงของนายกฯ" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดรอดูตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ และในวันพรุ่งนี้รอฟังถ้อยแถลงของประธาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยอย่างไร (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 103,212 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 103,212 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 4,593 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ขายสุทธิ 1,359 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 60 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.17% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.01% (อินโฟเควสท์)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Gfk อังกฤษ
- อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ญี่ปุ่น
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ไตรมาส 2/2568 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) เยอรมนี
- เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแจ็กสัน โฮล สหรัฐฯ