• X
  • ค้นหา
  • TH EN
      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
      • Menu แนะนำ
        • NAV
        • ค้นหากองทุน
        • กองทุนแนะนำ
        • กองทุนผลงานดี
        • ตารางจ่ายเงินปันผล
        • วันหยุดกองทุน
        • ข่าว/บทวิเคราะห์
        • กลยุทธ์การลงทุน
        • กำหนดการและแบบฟอร์ม
        • โปรโมชั่น
        • ข้อมูลกองทุน
        • เปรียบเทียบกองทุน
        • KTAM Daily News
        • KTAM Edutainment
      • KTAM Smart Trade
      • PVD Online
      • Agent
      TH : EN
      • หน้าแรก
      • เกี่ยวกับ KTAM
      • กองทุนรวม
      • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • กองทุน FIF/ETF
      • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
      • กองทุนส่วนบุคคล
      • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
      1. หน้าแรก
      2. KTAM Edutainment
      3. รู้จักวัฏจักรเศรษฐกิจ 4 ช่วง มีผลต่อหุ้นกลุ่มไหนบ้าง?

      รู้จักวัฏจักรเศรษฐกิจ 4 ช่วง มีผลต่อหุ้นกลุ่มไหนบ้าง?

      รู้จักวัฏจักรเศรษฐกิจ 4 ช่วง มีผลต่อหุ้นกลุ่มไหนบ้าง?

      “เข้าใจ Sector Rotation อย่างมีเหตุผลและมีบริบท”

      หนึ่งในแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์การจัดพอร์ตของนักลงทุนระดับโลก ก็คือการปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Economic Cycle) โดยเฉพาะวิธีการเลือก Sector หรืออุตสาหกรรมที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาของวงจรเศรษฐกิจ ซึ่งเรียกกันว่า “Sector Rotation”

      แนวคิดนี้ทำงานอย่างไร เหตุใดหุ้นบางกลุ่มมักโดดเด่นในบางช่วงของเศรษฐกิจ บทความนี้จะเล่าให้ฟัง

      วัฏจักรเศรษฐกิจ กับโครงสร้าง 4 ช่วงเวลา
      วงจรเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะหมุนผ่าน 4 ช่วงเวลาหลัก ที่สัมพันธ์กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และพฤติกรรมผู้บริโภค ได้แก่
      1. Expansion – ช่วงเศรษฐกิจเติบโต
      2. Peak – จุดสูงสุดของวัฏจักรเติบโต
      3. Contraction – เศรษฐกิจถดถอย
      4. Trough – จุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัว

      เน้นไว้ก่อน! ตลาดหุ้นมักจะสะท้อนอนาคตมากกว่าภาวะปัจจุบัน ดังนั้น ราคาหุ้นมักจะฟื้นตัวก่อนที่เศรษฐกิจจริงจะฟื้น และปรับฐานก่อนที่ตัวเลขเศรษฐกิจจะชะลอตัวจริง ๆ

      1. Expansion – เศรษฐกิจกำลังโต
      คือช่วงเวลาที่ GDP ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การจ้างงานเพิ่มขึ้น รายได้ครัวเรือนสูงขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สนับสนุนการกู้ยืม และลงทุน

      ในช่วงที่เศรษฐกิจเคลื่อนตัวได้ดี บริษัทต่างๆ เริ่มเห็นการเติบโตของรายได้และกำไร นักลงทุนมองหาการเติบโตในอนาคตมากกว่าความมั่นคง จึงให้ความสนใจกับหุ้นในกลุ่มที่สามารถขยายรายได้และกำไรได้เร็ว สอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ

      Sector ที่มักสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า sector อื่นใน phase นี้ อาทิ
      • Technology – กลุ่มเทคโนโลยีสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อมีรอบเศรษฐกิจสนับสนุน ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านนวัตกรรม การขยายตลาด และโมเดลธุรกิจที่มี leverage สูง
       
      ตัวอย่างบริษัท: Apple (AAPL), Microsoft (MSFT), Nvidia (NVDA)
      • Consumer Discretionary – ผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้น และพร้อมจะใช้จ่ายกับสินค้าและบริการที่ฟุ่มเฟือย แต่สร้างความพึงพอใจหรือแสดงฐานะ

      ตัวอย่างบริษัท: Amazon (AMZN), Tesla (TSLA), Nike (NKE), STARBUCK (SBUX)
      • Industrials – เศรษฐกิจขยายตัวส่งผลให้ความต้องการด้านการก่อสร้าง การผลิต และการขนส่งกลับมาฟื้นตัว ธุรกิจกลุ่มนี้มักได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐ

      ตัวอย่างบริษัท: Caterpillar (CAT), Boeing (BA), Honeywell (HON)

      2. Peak – จุดสูงสุดของวัฏจักร
      ภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัวเต็มที่ เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นจากฝั่งอุปสงค์ ดอกเบี้ยของธนาคารกลางเริ่มขยับขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง

      ช่วงเวลานี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และวัตถุดิบมักพุ่งขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทในกลุ่มที่มีอำนาจในการตั้งราคา หรือครอบครองทรัพยากรสำคัญยังสามารถทำกำไรได้สูง แม้ต้นทุนโดยรวมจะเพิ่มขึ้น

      Sector ที่มักสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า sector อื่นใน phase นี้ อาทิ
      • Energy – กลุ่มพลังงานได้รับประโยชน์จากราคาพลังงาน อย่างน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้น เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานฟอสซิล

      ตัวอย่างบริษัท: ExxonMobil (XOM), Chevron (CVX), ConocoPhillips (COP)
      • Materials – ความต้องการวัตถุดิบ เช่น ทองแดง เหล็ก ทองคำ และเคมีภัณฑ์ ยังคงแข็งแรงในช่วงท้ายของการขยายตัว ก่อนที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะชะลอ

      ตัวอย่างบริษัท: Freeport-McMoRan (FCX), Newmont (NEM), Dow Inc. (DOW)
      3.Contraction – เศรษฐกิจชะลอตัว

      การบริโภคเริ่มลดลง ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงานอาจเริ่มปรับตัวสูงขึ้น

       ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน นักลงทุนจะมองหาความปลอดภัย โดยหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีรายได้มั่นคง ไม่ขึ้นอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจ และมักมีปันผลสม่ำเสมอ

      Sector ที่มักสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า sector อื่นใน phase นี้ เช่น
      • Consumer Staples – ผู้บริโภคยังคงต้องใช้สินค้าจำเป็น เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ในบ้าน ทำให้รายได้ของบริษัทในกลุ่มนี้ค่อนข้างนิ่งแม้ในช่วงเศรษฐกิจแย่

      ตัวอย่างบริษัท: Procter & Gamble (PG), Walmart (WMT), Coca-Cola (KO)
      • Healthcare – ความต้องการด้านสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจใดก็ตาม ทำให้รายได้และกระแสเงินสดของบริษัทกลุ่มนี้มีความมั่นคง
       
      ตัวอย่างบริษัท: Johnson & Johnson (JNJ), Pfizer (PFE), UnitedHealth Group (UNH)
      • Utilities – ธุรกิจสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ มีรายได้ประจำและมักมีการผูกขาดเชิงภูมิศาสตร์ ทำให้ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน

      ตัวอย่างบริษัท: NextEra Energy (NEE), Duke Energy (DUK), Dominion Energy (D)
      4. Trough – จุดต่ำสุด และเริ่มฟื้นตัว
      - ตัวเลขเศรษฐกิจยังอ่อนแอแต่เริ่มเห็นสัญญาณบวก เช่น อัตราดอกเบี้ยลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มออกมา และตลาดเริ่ม “มองความหวังอนาคต”
      - แม้เศรษฐกิจจริงยังอยู่ในช่วงอ่อนแรง แต่นักลงทุนเริ่มคาดการณ์การฟื้นตัว และกลับมาลงทุนในหุ้นที่ถูกเทขายมากเกินไปในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
      - Sector ที่มักสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า sector อื่นใน phase นี้ เช่น
      • Financials – ดอกเบี้ยที่ลดลงกระตุ้นความต้องการสินเชื่อทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ขณะเดียวกัน ส่วนต่างรายได้จากดอกเบี้ยของธนาคาร (spread) มีแนวโน้มดีขึ้น

      ตัวอย่างบริษัท: JPMorgan Chase (JPM), Bank of America (BAC), Goldman Sachs (GS)
      • Real Estate – ดอกเบี้ยต่ำลงช่วยลดต้นทุนการซื้อบ้านและต้นทุนทางการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน REITs ก็กลับมาน่าสนใจในฐานะแหล่งกระแสเงินสด และการจ่ายปันผลเทียบกับตราสารหนี้

      ตัวอย่างบริษัท: Prologis (PLD), Realty Income (O), Simon Property Group (SPG)
      • Growth/Small Cap Stocks – เมื่อความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา นักลงทุนเริ่มกลับมามองหาหุ้นเติบโตที่มี upside สูง แม้จะมีความเสี่ยงมากกว่า

      ตัวอย่างบริษัท: Roku (ROKU), Shopify (SHOP), SOFI (SOFI)
      Reality Check: มองวัฏจักรเป็น “แนวโน้ม” ไม่ใช่ “สูตรสำเร็จ”

      แม้แนวคิด Sector Rotation ตามเศรษฐกิจจะมีรากฐานทางเศรษฐศาสตร์ที่แข็งแรง แต่ก็ยังไม่ใช่สูตรสำเร็จ ที่ใช้ได้เสมอไปในทุกสถานการณ์ เพราะยังมีตัวแปรอื่นที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อตลาดไม่แพ้กัน อาทิ
      - นโยบายการเงิน (Monetary Policy) เช่น การทำ QE การลดอัตราดอกเบี้ย หรือมาตรการกระตุ้นของ Fed สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของตลาดโดยไม่ขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจจริง
      - โครงสร้างใหม่ของโลกการลงทุน เช่น การเร่งตัวของเทคโนโลยี AI, การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด หรือ digitalization ซึ่งทำให้บาง sector เติบโตได้แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
      - ภาครัฐและนโยบาย เช่น กฎหมายภาษี นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการแทรกแซงภาคธุรกิจบางกลุ่มอาจพลิก Sector Leader ได้ทันที
      - พฤติกรรมของนักลงทุน เช่น การไล่ราคาฟองสบู่ หรือความเชื่อมั่นผิดทางที่ทำให้หุ้นบางกลุ่มแข็งเกินเหตุหรืออ่อนผิดเวลา

      สิ่งที่ยากที่สุด คือการระบุจุดปัจจุบันในวัฏจักร แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์มืออาชีพก็ไม่สามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่าตอนนี้ เราอยู่ “จุดไหน” ในวัฏจักรเศรษฐกิจกันแน่ จนกว่าจะผ่านมันไปแล้ว ดังนั้น แนวคิดเหล่านี้ควรนำมาปรับใช้อย่างมีวิจารณญาณควบคู่ไปกับการพิจารณาข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพอื่นๆ อย่างเหมาะสม เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

      หากคุณเชื่อในวัฏจักรเศรษฐกิจและมองหาโอกาสจาก Sector Rotation… KTAM พร้อมตอบโจทย์นั้นให้คุณ
          การลงทุนผ่าน “กองทุนรวมเชิงรุก” ที่มีการโฟกัสในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะผู้จัดการกองทุนมีอิสระในการปรับกลยุทธ์ พร้อมทั้งคัดเลือกหุ้นเด่นในกลุ่มที่เชื่อว่าจะ “Outperform” ได้ตามจังหวะของเศรษฐกิจ
      เราจึงขอแนะนำกองทุนเด่นที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนตาม Sector Rotation ได้อย่างมีหลักการ ได้แก่

      “Trough Phase / ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด: เน้นกลุ่มการเงินและอสังหาริมทรัพย์”
      กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ฟันด์ (KT-FINANCE)
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนใน Fidelity Funds – Global Financial Services Fund (กองทุนรวมหลัก) โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นทุนทั่วโลกของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านการเงินแก่ผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งเมื่อดอกเบี้ยเข้าสู่ช่วงขาลงและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กลุ่มการเงินมักได้อานิสงส์อย่างชัดเจน และกองทุน KT-FINANCE ก็โฟกัสเฉพาะในหุ้นสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก เช่น JPMorgan, Bank of America และบริษัทฟินเทคที่มีศักยภาพสูง

      กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ (KT- PROPERTY)
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนใน Henderson Global Property Equities Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้น หรือกองทรัสต์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการกำกับดูแล โดยมีรายได้หลักจากการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และ/หรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยเน้นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแรงและการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ พร้อมกระแสเงินสดสม่ำเสมอและการเติบโตระยะยาว

      “Expansion Phase / เศรษฐกิจเติบโต: เทคโนโลยีมักเป็นดาวเด่น”
      กองทุนเปิดเคแทม World Technology (KT-TECHNOLOGY)
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Funds - Global Technology Fund (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลก รวมถึงประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีการพัฒนา/หรือจะมีการพัฒนา ด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการหรือการให้บริการ หรือที่จะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าหรือการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น นักลงทุนมักแสวงหาการเติบโตที่รวดเร็ว 

      “Peak Phase / จุดสูงสุดของเศรษฐกิจ: พลังงานและวัตถุดิบมักแข็งแกร่ง”
      กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-ENERGY) 
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF World Energy Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสำรวจพัฒนาและจัดจำหน่ายพลังงาน และอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้นตามอุปสงค์โลก หุ้นกลุ่มพลังงานแบบดั้งเดิมมักได้ประโยชน์

      กองทุนเปิดแทม เวิลด์ เมทัล แอนด์ ไมน์นิ่ง ฟันด์ (KT-MINING)
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Allianz Global Metals and Mining Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีใม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการสำรวจ สกัด หรือแปรรูปโลหะและแร่ต่างๆ ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจยังร้อนแรง ราคาสินแร่ เช่น ทองแดง เหล็ก หรืออลูมิเนียม มักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยกองทุนนี้เลือกลงทุนในบริษัทเหมืองแร่ชั้นนำ เช่น BHP, Rio Tinto ด้วยวิธีการวิเคราะห์พื้นฐานเชิงลึก ผสานกับการบริหารความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์

      “Contraction Phase / ชะลอตัว: หุ้นรับผลกระทบต่ำอย่าง Healthcare มักเป็นที่น่าสนใจ”
      กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (KT-HEALTHCARE)
      (ความเสี่ยงระดับ 7)
      เน้นลงทุนใน Janus Henderson Global Life Sciences Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์กับการดำเนินชีวิต เกี่ยวกับการรักษาหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต  ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมักมีความต้านทานแรงกดดันทางเศรษฐกิจ โดยกองทุน KT-HEALTHCARE จะคัดเลือกบริษัทที่มีนวัตกรรมด้านชีววิทยา ยารักษาโรค และเทคโนโลยีสุขภาพที่มีการเติบโตระยะยาว เช่น Pfizer, Novo Nordisk ซึ่งไม่เพียงมีลักษณะ defensive จากความแข็งแรงของกระแสเงินสดและเป็นสินค้าจำเป็น แต่ยังมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพอีกด้วย

      คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

       
      สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn

      ผู้เขียน : เขมรัฐ ทรงอยู่
      รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
      บลจ.กรุงไทย
       

      แชร์เรื่องนี้

      • Facebook
      • Twitter
      • Line

      เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

      News Demo
      12
      ธันวาคม
      2568
      Dollar Smile Theory พฤติกรรมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจสุดขั้ว
      อ่านต่อ
      News Demo
      04
      ธันวาคม
      2568
      Gold Demand ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความต้องการทองคำของโลก
      อ่านต่อ
      News Demo
      28
      พฤศจิกายน
      2568
      สำรวจสี่เสาหลักกลยุทธ์สร้างรายรับของ Income Funds อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนในยุคอัตราดอกเบี้ยผันผวน
      อ่านต่อ

      Shortcut Menu

      • หน้าแรก
      • เกี่ยวกับ KTAM
      • กองทุนรวม
      • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
      • กองทุนส่วนบุคคล
      • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
        โครงสร้างพื้นฐาน
      • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • กองทุน FIF/ETF
      • กองทุนผลงานดี
      • ตารางจ่ายเงินปันผล
      • ข่าว/บทวิเคราะห์
      • กลยุทธ์การลงทุน
      • กำหนดการและแบบฟอร์ม
      • โปรโมชั่น
      • ปฏิทินกองทุน
      • ภาพกิจกรรม
      • ประกาศราคากลาง
      • AIMC Category
        Performance Report
      • ถาม-ตอบ
      • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
      • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
      • การตั้งค่าคุกกี้
      • สมัครรับข่าวสาร
      • ติดต่อเรา
      • ร่วมงานกับเรา
      • ประกาศความเป็นส่วนตัว
      Go To Top
      Stay Connect with us:
      • Facebook
      • Twitter
      • Youtube

      สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

      KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

      อีเมล: [email protected]

      เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

      • พันธมิตรธุรกิจ
      • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
      • แผนผังเว็บไซต์

      การใช้และการจัดการคุกกี้

      เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

       การใช้และการจัดการคุกกี้

      เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

      ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


      การกำหนดลักษณะความยินยอม

      คุกกี้ที่จำเป็น

      คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

      คุกกี้วิเคราะห์

      เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง