• X
  • ค้นหา
  • TH EN
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
  1. หน้าแรก
  2. KTAM Edutainment
  3. มนต์เสน่ห์ดินแดนภารตะ “อินเดีย” ประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง

มนต์เสน่ห์ดินแดนภารตะ “อินเดีย” ประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง

มนต์เสน่ห์ดินแดนภารตะ “อินเดีย” ประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง  


ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยข้อมูลในอดีตที่การเติบโตของอินเดียนั้นแซงหน้าจีนในปี 2022 และ มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกในปี 2023 และปี 2024 นอกจากนี้เศรษฐกิจอินเดียก็ยังเติบโตเร็วที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้วยกัน ซึ่งอินเดียมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวที่ระดับ 6.7% ในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย. 2567 สูงที่สุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่อีกทั้งยังแซงหน้าประเทศจีนอีกด้วย (อ้างอิง infoquest สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 23/09/2567)   

วันนี้ KTAM จึงมาบอกโอกาสในระยะถัดไปของการลงทุนใน “ประเทศอินเดีย” ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม  

#โอกาสในระยะถัดไปของการลงทุนในอินเดีย   

1. อินเดียเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก  
Bloomberg Economics รายงานว่า อินเดียจะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดของโลกภายในปี 2028 อีกทั้งยังพบว่าเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าจีนในปี 2028 โดยมีข้อมูลสำคัญ ดังนี้  
- GDP ของประเทศอินเดียมาจากการบริโภคส่วนบุคคลสูงถึง 62%  
- คาดการณ์อัตราการเติบโตของประชากรวัยทำงาน คือ 35% เป็น 1.3 พันล้านคน ภายในปี 2593  
- การคาดการณ์การบริโภคของชนชั้นกลางในปี 2030 คือ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจาก 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1965)  
ซึ่งการที่อินเดียมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นเติบโตด้วย จากดัชนีของตลาดหุ้นอินเดีย MSCI India Index ที่ทำผลตอบแทน YTD ได้ถึง 7.4% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยเกือบ 10% ต่อปี (อ้างอิง Bloomberg Economics สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 23/09/2567)
 
2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเป็นฐานการผลิตของโลก  
อินเดียดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก ถึงแม้ประเทศจะยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ก็พัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลอินเดียทุ่มงบพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตจากภาคการผลิต เช่น เส้นทางเชื่อมระหว่างมุมไบ - เดลี และ สนามบินใหม่ประมาณ 80 แห่งที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายในอีก 8 เดือนข้างหน้า ในอนาคตยังมีแผนการปรับปรุงด้านพลังงาน และด้านระบบการขนส่งเพิ่มเติม  

3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่ดี  
กลุ่มประชากรของอินเดียมีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าหลายประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เพราะมีแรงงานรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง มีรายได้เติบโตมากกว่าและมีอายุการทำงานได้ยาวนานกว่า และยังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้จ่ายสูงในระบบเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับจีนและกลุ่มประเทศตลาดพัฒนาแล้วนั้นมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่า ส่งผลให้ต้นทุนของประเทศเพิ่มขึ้น แต่ด้านการบริโภคลดลง  

ซึ่งในปี 2022 ประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียมีอายุ 25 ปีหรือน้อยกว่า อินเดียจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญพร้อมทั้งตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่เป็นข้อได้เปรียบประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เวียดนาม กัมพูชา หรือศรีลังกา (อ้างอิง Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)  
 
4. โอกาสการลงทุนใน Multi-Bagger (หุ้นโตหลายเด้ง)  
Goldman Sachs เผย “หุ้นของอินเดียให้ผลตอบแทนทบต้นต่อปีที่ดีที่สุดในเอเชียในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และสูงกว่าดัชนีตลาดเกิดใหม่หรือดัชนีโลกโดยรวม ดังนั้น หากนักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่สามารถโตขึ้นได้ 10 เท่า หรือมากกว่า ตลาดหุ้นอินเดียก็อาจจะเป็นตลาดที่สามารถสร้างโอกาสการลงทุนได้” พร้อมทั้งยังเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 หุ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ซื้อขายในดัชนี Nifty 500 ของอินเดียสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 10 เท่า ซึ่งสูงกว่าดัชนีอื่น ๆ อย่างจีน(MSCI China), สหรัฐอเมริกา(SPX) หรือยุโรป(SXXP) (อ้างอิง Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)  

5. ผลกระทบจากความขัดแย้งของประเทศที่พัฒนาแล้ว  
จากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงยุโรปที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ มองหาศูนย์กลางการผลิตใหม่ ซึ่งมีเพียงอินเดียเท่านั้นที่มีแรงงานและตลาดภายในที่มีขนาดเทียบเท่ากับจีน ยิ่งไปกว่านั้นการที่ประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียพูดภาษาอังกฤษได้ก็เป็นผลบวก ทำให้หลายแบรนด์ใหญ่ของโลกจะย้ายโรงงานผลิตจากจีนมาที่อินเดีย  
(อ้างอิง Franklin Templeton, Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)  

https://www.franklintempleton.co.uk/our-funds/investment-topics-in-focus/opportunities-in-indian-equities
https://finimize.com/content/five-reasons-to-add-india-stocks-to-your-portfolio  

 ถึงแม้จะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในประเทศอินเดียแต่นักลงทุนก็ควรพิจารณาความเสี่ยงหลัก ๆ ในการลงทุนร่วมด้วยนั่นก็คือ  
 
1. ความเสี่ยงทางตลาด :  
ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ / ทรัพย์สินในตลาดต่างประเทศที่อาจปรับตัวขึ้นลง โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม หรือภาวะตลาด  
 
2. ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน :  
การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อมูลค่าของหน่วยลงทุน เช่น หากค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบาท ผลตอบแทนที่ได้รับอาจลดลง  
 
3. ความเสี่ยงในตัวประเทศ :  
ปัญหาภายในประเทศอินเดีย เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร, การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมือง หรือ ภัยธรรมชาติ รวมไปถึงสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน  

4. ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง :  
เกิดขึ้นเมื่อการลงทุนส่วนใหญ่ถูกกระจุกตัวอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นมากกว่าการกระจายความเสี่ยงออกไปในหลายประเทศ  
 
5. ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ :  
การลงทุนในต่างประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ กฎระเบียบของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อต้นทุน ภาระทางภาษี และผลตอบแทนที่ได้รับ รวมถึงอาจมีข้อจำกัดในการโอนเงินกลับมาประเทศไทย  
 

ดังนั้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนในกองทุนรวมประเทศอินเดีย พร้อมกำหนดกลยุทธ์การกระจายการลงทุนและพิจารณาการลงทุนในระยะยาวเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่สูงและลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระยะสั้น รวมไปถึงการเลือกกองทุนที่มีนโยบายช่วยรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้  

ท่านนักลงทุนที่สนใจลงทุนกองทุนในประเทศอินเดีย แต่ไม่รู้จะลงทุนกองทุนอะไร วันนี้ทาง KTAM ได้คัดเลือกกองทุนรวมประเทศอินเดียมาให้แล้ว  

#กองทุนรวมประเทศอินเดียที่แนะนำ 

กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA)  

นโยบายการลงทุน : เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้น และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ออกโดยบริษัทอินเดียอย่างน้อย 70% NAV (หลังหักสินทรัพย์สภาพคล่อง)  

ระดับความเสี่ยงของกองทุน : 6  

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://qrcd.org/6kmB  

นอกจากนี้ นักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสเติบโตระยะยาวจากการลงทุนในประเทศอินเดีย และต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ต้องไม่พลาดกองทุน กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-INDIA-SSF) ที่มีนโยบายและระดับความเสี่ยงเช่นเดียวกับ KT-INDIA  
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://qrcd.org/6pca  

#สรุปแล้ว ??  

ประเทศอินเดียเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนทั่วโลกสามารถนำอินเดียมาเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ทั้งหมดนี้ถือเป็นโอกาสในการลงทุนระยะถัดไปของอินเดีย  

?? ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัยดาวน์โหลด iOS: https://bit.ly/KTAMST Android: https://bit.ly/KTST_Android  

สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 02 686 6100 กด 9 ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืน  

คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับรับกำไรจากอัตราแลกปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยน์ทางภาษี ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม  

แชร์เรื่องนี้

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

News Demo
09
พฤษภาคม
2568
“India Rising” มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก
อ่านต่อ
News Demo
25
เมษายน
2568
รู้จักกับ 8 ธีมการลงทุนใน REITs ต่างประเทศ
อ่านต่อ
News Demo
18
เมษายน
2568
เลือกกองทุนตราสารหนี้ให้ตรงใจ…แค่ “ปลอดภัย” อย่างเดียวไม่พอ!
อ่านต่อ

Shortcut Menu

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
    โครงสร้างพื้นฐาน
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนผลงานดี
  • ตารางจ่ายเงินปันผล
  • ข่าว/บทวิเคราะห์
  • กลยุทธ์การลงทุน
  • กำหนดการและแบบฟอร์ม
  • โปรโมชั่น
  • ปฏิทินกองทุน
  • ภาพกิจกรรม
  • ประกาศราคากลาง
  • AIMC Category
    Performance Report
  • ถาม-ตอบ
  • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
  • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
  • การตั้งค่าคุกกี้
  • สมัครรับข่าวสาร
  • ติดต่อเรา
  • ร่วมงานกับเรา
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

อีเมล: callcenter@ktam.co.th

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

  • พันธมิตรธุรกิจ
  • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
  • แผนผังเว็บไซต์

การใช้และการจัดการคุกกี้

เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

 การใช้และการจัดการคุกกี้

เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


การกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้ที่จำเป็น

คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

คุกกี้วิเคราะห์

เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง