• X
  • Search
  • TH EN
      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
      • Menu Guide
        • NAV
        • Fund Search
        • Highlighted Funds
        • Top Performance Fund
        • Dividend
        • Fund Holidays
        • News/Research
        • Asset Allocation Strategy
        • Documents and Forms
        • Promotions
        • Fund Information
        • Compare Funds
        • KTAM Daily News
        • KTAM Edutainment
      • KTAM Smart Trade
      • PVD Online
      • Agent
      TH : EN
      • HOME
      • ABOUT KTAM
      • MUTUAL FUNDS
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • PROVIDENT FUNDS
      • PRIVATE FUNDS
      • INFRASTRUCTURE / REIT / PROPERTY FUNDS
      • Company Profile
      • Shareholders
      • Audit Committee
      • Organization Chart
      • Board of Directors
      • Risk Management Committee
      • Executive Management Committee
      • Corporate Governance Committee
      • Fund Managers
      • Business Philosophy and Code of Conduct
      • Proxy Voting Guidelines
      • Assets Under Management
      • Investment Governance Code (I Code)
      • Anti Bribery and Corruption Policy
      • Corporate Governance Policy
      • Protfolio Status
      • Financial Statements
      • Product Governance Policy
      • AML/CTPF Policy
      • Company Profile
      • Shareholders
      • Audit Committee
      • Organization Chart
      • Board of Directors
      • Risk Management Committee
      • Executive Management Committee
      • Corporate Governance Committee
      • Fund Managers
      • Business Philosophy and Code of Conduct
      • Proxy Voting Guidelines
      • Assets Under Management
      • Investment Governance Code (I Code)
      • Anti Bribery and Corruption Policy
      • Corporate Governance Policy
      • Protfolio Status
      • Financial Statements
      • Product Governance Policy
      • AML/CTPF Policy
      1. Home
      2. About KTAM
      3. Proxy Voting Guidelines
      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นโดยบริษัทจัดการในนามกองทุน และการเปิดเผยข้อมูล เพื่อผลประโยชน์ของกองทุนเป็นสำคัญ โดยหากมีกรณีที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทจัดการจะพิจารณาโดยถือเอาผลประโยชน์ของกองทุนฯ เป็นหลัก อีกทั้งเป็นการสนับสนุนบรรษัทภิบาลที่ดี และให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหลักทรัพย์ โดยจะดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงในนามกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
       
      1. "หลักทรัพย์" หมายถึง ตราสารทุน ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนกองทุนรวมหรือทรัสต์ ซึ่งหมายรวมถึง หน่วย CIS กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน หรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด
      2. บริษัทฯ จะใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมฯ ของหลักทรัพย์ ที่กองทุนภายใต้การจัดการของบริษัทฯ ลงทุนอยู่ ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ มิได้รับมอบอำนาจในการใช้สิทธิออกเสียงในนามกองทุน
      3. บริษัทฯ จะปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันธุรกรรมที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเคร่งครัดและใช้สิทธิออกเสียง โดยถือเอาประโยชน์ของกองทุนภายใต้การจัดการเป็นสำคัญ
      4. บริษัทฯ จะออกเสียงไม่เห็นด้วย (Against) สำหรับวาระการประชุมฯ ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิหรือผลประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ หรือไม่เป็นประโยชน์ หรือมีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหลักทรัพย์
      5. บริษัทฯ จะออกเสียงเห็นด้วย (For) สำหรับวาระการประชุมฯ ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหลักทรัพย์ หรือไม่มีเหตุให้ต้องคัดค้าน รวมไปถึงวาระปกติทั่วไปที่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจหรือการบริหารจัดการของผู้ออกหลักทรัพย์
      6. บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain) สำหรับวาระการประชุมฯ ที่บริษัทฯ มีข้อมูลสนับสนุนไม่เพียงพอต่อการประเมินและตัดสินใจ หรือเป็นวาระอื่นที่แทรกในการประชุมฯ โดยไม่เป็นวาระที่มีการแจ้งล่วงหน้าให้บริษัทฯ ได้พิจารณาก่อน หากวาระการประชุมใดเข้าเงื่อนไขการงดออกเสียง แต่ไม่มีตัวเลือกงดออกเสียง บริษัทฯ จะออกเสียงไม่เห็นด้วยแทน
      7. บริษัทฯ จะจัดให้มีการเปิดเผยแนวทางและรายงานการใช้สิทธิออกเสียง เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงและรับทราบข้อมูลการไปใช้สิทธิออกเสียงของบริษัทฯ พร้อมกับจัดเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง
      8. คณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้คณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทฯ เป็นผู้พิจารณากำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง ขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมไปถึงแนวทางการมอบฉันทะให้ตัวแทนไปใช้สิทธิออกเสียง ภายใต้นโยบายที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ เพื่อดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงให้เป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาล หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล  

      หลักเกณฑ์การพิจารณาการใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้น

      รายละเอียดของประเด็นต่างๆ  ดังต่อไปนี้

      1. การรับรองงบฐานะการเงินและ ผลการดำเนินงานประจำปี ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับหรือต่อมูลค่าหุ้น (shareholder’s value)
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณางบการเงินและคำอธิบายเพิ่มเติม ในหมายเหตุงบการเงินของผู้ตรวจสอบบัญชี รวมถึงรายงานประจำปีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (“บริษัทจดทะเบียน”)  แล้วเห็นว่าไม่มีส่วนใดแสดงข้อมูลไม่ถูกต้อง รวมทั้งตรวจรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างบริษัทจดทะเบียน หรือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหารว่ามีความถูกต้องตรงกับที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมและเป็นผลประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียน อีกทั้ง จะเปรียบเทียบฐานะการเงินของบริษัทจดทะเบียนจากปีที่ผ่านมา ว่ากลยุทธ์การดำเนินงานสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain) 
       
      2. การเปลี่ยนประเภทธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน หรือวัตถุประสงค์ของบริษัทจดทะเบียน  หรือการปรับโครงสร้างบริษัทจดทะเบียนที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว ตลอดจนเงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆ มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้น  หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain) 
       
      3. การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการของบริษัท
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาถึงโครงสร้างคณะกรรมการแล้ว มีความเหมาะสมและมีความเป็นอิสระ ไม่เอื้อให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จ อัตราส่วนกรรมการอิสระในคณะกรรมการไม่ควรน้อยกว่า 1 ใน 3 และกรรมการอิสระไม่เป็นผู้บริหารหรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของบริษัทหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทนั้นมาก่อน คณะกรรมการควรเปิดกว้างให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสำคัญของบริษัทและควรมีความมุ่งมั่นที่จะประกอบกิจการเพื่อความสำเร็จสูงสุดของผู้ถือหุ้นและบริษัทจดทะเบียน คุณสมบัติที่เหมาะสมของกรรมการ คือเป็นผู้มีความรู้ความสามารถมีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน มีความน่าเชื่อถือ มีเวลาเพียงพอให้บริษัทจดทะเบียนและมีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ เช่น ไม่เป็นกรรมการในหลายบริษัทหรือเป็นกรรมการของบริษัทคู่แข่งซึ่งอาจมีผลประโยชน์ขัดกับบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นกรรมการของบริษัทอื่นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องแอบแฝง ทำให้การตัดสินใจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาคุณสมบัติในรายละเอียดของข้อมูลเบื้องต้นของกรรมการ เช่น อายุ ประสบการณ์การทำงาน  ประวัติการศึกษา การถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้คุณสมบัติโดยรวมของกรรมการเหมาะสมกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน หากเป็นกรรมการเดิมที่จะแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ควรดูผลการปฏิบัติงานของกรรมการเดิมที่ผ่านมาว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจหรือไม่ เช่น ประวัติการเข้าร่วมประชุม การร่วมเสนอความคิดเห็นที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและส่วนรวม หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)      
        บริษัทฯ อาจพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  หากกรรมการมีพฤติกรรมที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดผล ดังนี้  
      1. บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งบริษัทจดทะเบียน
      2. บริษัทจดทะเบียนเกิดปัจจัยเสี่ยงต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ได้แก่  ให้สิทธิที่ไม่เท่าเทียมกันในการออกเสียง   บริหารจัดการทรัพย์สินจนทำให้เกิด Dilution effect ต่อมูลค่าของผู้ถือหุ้น ห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิในการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
      3. หากมีหลักฐานแสดงเจตนาการกระทำผิดหรือปกปิดข้อมูลทางการเงิน/ บัญชี หรือมีพฤติกรรมเพิกเฉยกับมติคะแนนเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้น
      4. ถ้าพบว่าประธานกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงมีผลตอบแทนย้อนหลัง 2 ปีอยู่ในระดับชั้นต้นของอุตสาหกรรม (ประมาณ 1 ใน 5 ลำดับต้น) ในขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอยู่ในระดับท้ายของอุตสาหกรรม (ประมาณ 1 ใน 5 ลำดับจากท้าย)
      5. จำนวนของคณะกรรมการ การออกเสียงลงมติไม่เห็นด้วยหากบริษัทจดทะเบียนเพิ่มหรือลดจำนวนกรรมการ โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น 
      6. บริษัทจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการอิสระโดยกรรมการเข้าร่วมประชุมน้อย โดยปราศจากเหตุอันควร 
      7. เคยเป็นลูกจ้างของบริษัทจดทะเบียนในตำแหน่งบริหารภายใน 5 ปีย้อนหลังนับจากวันที่เป็นกรรมการหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ปรึกษา ที่บริษัทหรือผู้บริหารระดับสูงใช้บริการอยู่ หรือ เกี่ยวข้องกับลูกค้ารายใหญ่ หรือผู้ให้บริการรายใหญ่ของบริษัท
      8. ไม่เป็นกรรมการบริษัทอื่น มากจนเกินไปจนทำให้กรรมการไม่สามารถมีเวลาการทำงานอย่างเหมาะสมให้กับบริษัท ทั้งนี้ จะพิจารณาถึงความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ของกรรมการดังกล่าวเป็นหลัก รวมทั้งทางบริษัทฯ จะนับว่าการเป็นกรรมการบริษัทในเครือเป็นเหมือนบริษัทเดียวกัน
      9. เคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับด้านการเงินการบัญชี การบริหารหรือ ต้องโทษคดีอาญา ทุจริตฉ้อโกง
      10. ประกอบกิจการที่เหมือนกับหรือแข่งขันกับบริษัทจดทะเบียน (เว้นแต่จะได้แจ้งให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบ  ก่อนที่จะมีมติแต่งตั้ง)
      11. หากกรรมการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกู้ยืมเงินจากบริษัทจดทะเบียน (ยกเว้นเป็นสวัสดิการตามระเบียบหรือเป็นการให้กู้ยืมตามพรบ. ว่าด้วยธนาคารพาณิชย์)
       
      4. การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่กรรมการของบริษัทจดทะเบียน  การเสนอขายหลักทรัพย์แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทจดทะเบียน 
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าผลประกอบการและการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเป็นไปในทางที่ดีตามความรับผิดชอบและผลงานของกรรมการแต่ละรายและทั้งคณะ ดังนั้น ค่าตอบแทนกรรมการเป็นเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดความจูงใจต่อกรรมการของบริษัทจดทะเบียนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเป็นไปในทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทฯ จะพิจารณาถึงระดับค่าตอบแทนกรรมการให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน จะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาอัตราที่เหมาะสม โดยพิจารณาตามขนาดของบริษัท อัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัท สัดส่วนของค่าตอบแทนพิเศษของกรรมการต่อผลการดำเนินงาน รวมทั้งจะพิจารณาถึงแผนการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น แผนการเสนอขายหุ้นให้กลุ่มบุคคลเพียงบางราย (Stock Option Plans) แผนการออกหลักทรัพย์หรือให้สิทธิซื้อหุ้นแก่กรรมการ/พนักงาน (Employee Stock Option Plans - ESOP) แผนการจ่ายโบนัสกรรมการ หรือแผนการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม (Stock Right Plan) ให้อยู่ในระดับสมเหตุสมผล นอกจากนี้ โดยหลักการมูลค่าของหุ้นที่ให้นั้น ควรจะสะท้อนมูลค่าในอนาคตมากกว่ามูลค่าปัจจุบัน หรือราคาเสนอขายควรใช้ราคาตลาดเปรียบเทียบ เช่น อาจใช้ราคาเฉลี่ยปัจจุบันของราคาตลาดในช่วงระยะเวลาที่ไม่สั้นหรือยาวเกินไป เช่น 15-30  วัน เพื่อที่จะได้อ้างอิงจากราคาปัจจุบันโดยเฉลี่ย   สำหรับแผนการออกหลักทรัพย์/หรือให้สิทธิซื้อหุ้นแก่กรรมการ/พนักงาน (ESOP) ผลกระทบของการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม (Dilution effect) ไม่ควรเกิน 1% ต่อปีและการจัดสรรการให้สิทธิแก่กรรมการและพนักงานในการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไม่ควรเกินคนละ 5% ยกเว้นหากกรรมการและพนักงานมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานของบริษัทค่อนข้างมากก็สามารถที่จะจัดสรรการให้สิทธิแก่กรรมการและพนักงานดังกล่าวเกินร้อยละ 5 % หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)   
       
      5. การจำกัดความรับผิดของกรรมการและการเพิ่มเงินชดใช้ค่าเสียหายให้กรรมการ
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาเห็นว่ากรณีที่บริษัทเสนอให้เพิ่มส่วนชดใช้ค่าเสียหายให้กรรมการหรือชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางกฎหมายเฉพาะกรณีที่สามารถพิสูจน์และเชื่อได้ว่ากรรมการได้พึงปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทอย่างสุดความสามารถในช่วงเวลานั้นๆ แล้วและออกเสียงคัดค้าน (Against) ในกรณีที่บริษัทเสนอให้ลดหรือจำกัดความรับผิดของกรรมการหรือเสนอให้กรรมการไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หากมีความเสียหายจากการกระทำผิดพลาดในหน้าที่ความรับผิดชอบที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่  อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      6. การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินสำคัญ การซื้อขายหรือให้เช่ากิจการ การควบหรือรวม กิจการ การจ้างบริหาร และการครอบงำกิจการ และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกันและก่อให้เกิดธุรกรรมที่ มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นพิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาว่าการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์หรือจำหน่ายของบริษัทจดทะเบียน เป็นประโยชน์กับบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ และเงื่อนไขของรายการเป็นธรรมหรือไม่ ราคาและเงื่อนไขควรพิจารณาในรายละเอียดข้อมูลให้ชัดเจน  อ้างอิงกับราคาตลาดหรือ ผู้ประเมินราคาอิสระ หรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอิสระ จากบุคคลภายนอกที่น่าเชื่อถือได้ หรือที่ปรึกษาทางการเงินประกอบ อีกทั้ง ควรมีมาตรการสอบทานรายการที่ได้รับอนุมัติด้วย หากมีการขอสัตยาบันสำหรับรายการระหว่างกันที่ทำไปแล้ว ถ้าเห็นว่าเป็นรายการที่เกิดประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้บริษัทจดทะเบียนเสียหาย ควรให้ยกเลิกรายการนั้นและไม่ให้การรับรองสัตยาบันใดๆ สำหรับการควบหรือการรวมกิจการ การจ้างบริหารและการครอบงำกิจการ บริษัทฯ จะทำการวิเคราะห์หรือใช้บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ โดยจะพิจารณาถึงรายการดังกล่าว ว่าจะส่งผลประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม ส่วนธุรกรรมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น บริษัทฯ จะพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก  ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าธุรกรรมดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียน ก็จะพิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) และหากธุรกรรมดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียน บริษัทฯ จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) ส่วนสำหรับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่บริษัทฯ มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์มีเพียงบริษัทเดียวคือ KTB ที่ทาง KTB ถือหุ้นบริษัท ประมาณ 99% ทางบริษัทฯ ได้ใช้ดุลพินิจในการออกเสียงปราศจาก ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยถือเป็นการใช้สิทธิออกเสียงเสมือนบริษัทจดทะเบียนทั่วไป หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      7. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจดทะเบียน เช่น การเพิ่มทุน การลดทุน การไม่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม การปรับโครงสร้างหนี้ การออกหุ้นกู้ การออกหลักทรัพย์แปลงสภาพ และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (Warrant) พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณา เหตุผลและความเหมาะสมการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทต่างๆ เช่น การเพิ่มทุนจะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน ประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนหรือผู้ถือหุ้น ระดับความเสี่ยงยอมรับได้ ผลกระทบต่อการถือครองหุ้นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาถึงวิธีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนว่าจะจัดสรรหุ้นให้บุคคลใดบ้าง (ผู้ถือหุ้นเดิม/ประชาชนทั่วไปหรือบุคคลเพียงบางรายหรือนิติบุคคล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ)  ทั้งนี้ แต่ละวิธีจะมี Dilution Effect ต่อผู้ถือหุ้นต่างกันและมีผลกระทบต่อการบริหารงานทางธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (เนื่องจากอาจมีตัวแทนของผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนนั้นเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน) นอกจากนี้ บริษัทฯ จะดูการจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อของผู้มีสิทธิ ควรกำหนดให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนราคาเสนอขายให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ ก.ล.ต. และระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ เช่น การใช้วิธีสำรวจความต้องการของนักลงทุน Book building หรือใช้ราคาเทียบกับราคาตลาดในปัจจุบัน หากราคาเสนอขายต่ำกว่าราคาตลาดมาก (ต่ำกว่า 20 %) ซึ่งไม่ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทฯ จะพิจารณาค่อนข้างละเอียดเพราะอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นและผลประโยชน์ของบริษัทจดทะเบียนที่จะได้รับ หากมีผลกระทบทางลบต่อราคาหุ้นค่อนข้างมากและมีผลเสียต่อบริษัทจดทะเบียนมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ บริษัทฯ จะทำการออกเสียงคัดค้าน (Against) ส่วนการลดทุน บริษัทฯ ก็จะใช้แนวทางตัดสินใจการออกเสียงเดียวกันกับการเพิ่มทุน สำหรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น   บริษัทฯ จะพิจารณาว่าการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น มีการกำหนดวัตถุประสงค์ของการใช้เงินอย่างชัดเจน วิธีการจัดสรรมีความสมเหตุสมผลและมีการกำหนดราคาที่เหมาะสม

      การออกหลักทรัพย์แปลงสภาพ บริษัทฯ จะพิจารณาถึงการเปิดเผยลักษณะและรายละเอียดของหลักทรัพย์แปลงสภาพ ระยะเวลาใช้สิทธิ การจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการใช้สิทธิของหลักทรัพย์แปลงสภาพ  ว่ามีผลกระทบต่อราคาหุ้น สัดส่วนการถือหุ้นเทียบกับผลประโยชน์ที่บริษัทจดทะเบียนจะได้รับหากเป็นผลดี บริษัทฯ ก็จะพิจารณา เห็นด้วย (For) หากไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนก็จะทำการออกเสียงคัดค้าน (Against) หากเมื่อพิจารณาข้อมูลของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจดทะเบียน ทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) หรือในกรณีที่ข้อมูลประกอบการพิจารณไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      8. การแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียน
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาชื่อผู้สอบบัญชีและชื่อสำนักงานสอบบัญชี ถึงความน่าเชื่อถือของสำนักงานหรือตรวจสอบรายชื่อผู้สอบบัญชีจากการขึ้นบัญชีเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ถูกต้อง ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือ ตลาดหลักทรัพย์กำหนด บริษัทฯ จะทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการสอบบัญชีกับปีที่ผ่านมาไม่ควรแตกต่างกันมากนัก หากมีค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าเพิ่มขึ้นเพราะเหตุใด เช่น มีปริมาณงานการตรวจสอบเพิ่มขึ้นเป็นต้น บริษัทจดทะเบียนควรแจ้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอบบัญชีกับบริษัทจดทะเบียนว่ามีความเป็นอิสระจากกันอย่างแท้จริง เช่น ไม่เป็นที่ปรึกษาทางด้านบัญชีของบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นผู้ตรวจสอบภายในบริษัทจดทะเบียน อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนไม่ควรใช้ผู้สอบบัญชีรายเดิมติดต่อกันเกินกว่า 5 ปี ควรเว้นช่วงอย่างน้อย 2 รอบปีบัญชีขึ้นไป ยกเว้นกรณีที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สามารถใช้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชี บริษัทจดทะเบียนควรแจ้งเหตุผลการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีอย่างชัดเจน  หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
         
      9. การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัทจดทะเบียน 
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นวาระแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ/ข้อบังคับของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ถูกต้องและสอดคล้องกับที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้พิจารณาอนุมัติเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเป็นไปในทางที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น หากเมื่อพิจารณาการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทจดทะเบียนแล้วมีผลทางลบต่อบริษัทจดทะเบียนและเป็นการเสียประโยชน์ของผู้ถือหุ้น บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      10. การพิจารณาวาระอื่นๆ  
      บริษัทฯ จะเห็นสมควรงดออกเสียง (Abstain) หากมีวาระอื่นแทรกในการประชุมที่ต้องใช้สิทธิออกเสียงโดยไม่แจ้งเป็นการล่วงหน้า เนื่องจาก มิได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทก่อน
       
      11. วาระที่ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์การออกเสียง
      ในกรณีที่บริษัทผู้ออกตราสารทุนเสนอเรื่องที่ไม่ได้มีการกำหนดในแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง บริษัทฯ จะออกเสียงโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยรวมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นสำคัญ
       
      หลักเกณฑ์การพิจารณาในการใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือตราสารหนี้
      1. การเปลี่ยนประเภทธุรกิจของบริษัทผู้ออกตราสาร หรือวัตถุประสงค์ของกิจการ  หรือการปรับโครงสร้างกิจการที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาการปรับโครงสร้างกิจการที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เป็นรายกรณี บริษัทฯ จะเห็นด้วยเมื่อจะส่งผลประโยชน์ต่อความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการผู้ออกตราสารหนี้ ตลอดจนเงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆ มีความเหมาะสมเป็นธรรมต่อผู้ถือตราสารหนี้ หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
      1. การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินสำคัญ การซื้อขายหรือให้เช่ากิจการ การควบหรือรวมกิจการ การจ้างบริหาร การครอบงำกิจการ การทำธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกันและก่อให้เกิดธุรกรรมที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับผู้ถือตราสารหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือตราสารหนี้
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาว่าการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์หรือจำหน่ายของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ เป็นประโยชน์กับบริษัทผู้ออกตราสารหนี้หรือไม่และเงื่อนไขของรายการเป็นธรรมหรือไม่ ราคาและเงื่อนไขควรพิจารณาในรายละเอียดข้อมูลให้ชัดเจน อ้างอิงกับราคาตลาดหรือผู้ประเมินราคาอิสระหรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอิสระ จากบุคคลภายนอกที่น่าเชื่อถือได้ หรือที่ปรึกษาทางการเงินประกอบ อีกทั้ง ควรมีมาตรการสอบทานรายการที่ได้รับอนุมัติด้วย หากมีการขอสัตยาบันสำหรับรายการระหว่างกันที่ทำไปแล้ว ถ้าเห็นว่าเป็นรายการที่เกิดประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้บริษัทจดทะเบียนเสียหาย ควรให้ยกเลิกรายการนั้นและไม่ให้การรับรองสัตยาบันใดๆ สำหรับการควบหรือการรวมกิจการ กิจการ การจ้างบริหารและการครอบงำกิจการ  บริษัทฯ จะทำการวิเคราะห์หรือใช้บทวิเคราะห์ จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ โดยจะพิจารณาถึงรายการดังกล่าว จะส่งผลประโยชน์ต่อบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ถือตราสารหนี้โดยรวม ส่วนธุรกรรมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับผู้ถือตราสารหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือตราสารหนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เป็นหลัก ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าธุรกรรมดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ ก็จะพิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) และหากธุรกรรมดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) ส่วนสำหรับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือตราสารหนี้ที่บริษัทฯ มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์มีเพียงบริษัทเดียวคือ KTB ที่ทาง KTB ถือหุ้นบริษัทประมาณ 99% ทางบริษัทฯ ได้ใช้ดุลพินิจในการออกเสียงปราศจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยถือเป็นการใช้สิทธิออกเสียงเสมือนบริษัทจดทะเบียนทั่วไป หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้งหากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      1. การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดสิทธิของตราสารหนี้หรือผู้ออกตราสารหนี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดหนี้สินต่อทุน การเปลี่ยนแปลงคำจำกัดความของคำว่าหนี้สิน การเปลี่ยนแปลงหลักประกันหรือผู้ค้ำประกันตราสารหนี้
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นวาระแก้ไขที่ไม่ทำให้ผู้ถือตราสารหนี้เสียประโยชน์หรือมีความเสี่ยงมากขึ้น หากเมื่อพิจารณาการแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าวแล้วมีผลทางลบต่อบริษัทจดทะเบียนและเป็นการเสียประโยชน์ของผู้ถือตราสารหนี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯจะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      1. การพิจารณาวาระอื่นๆ 
      บริษัทฯ จะเห็นสมควรงดออกเสียง (Abstain) หากมีวาระอื่นแทรกในการประชุมที่ต้องใช้สิทธิออกเสียงโดยไม่แจ้งเป็นการล่วงหน้า เนื่องจาก มิได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทก่อน
       
      1. วาระที่ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์การออกเสียง
      ในกรณีที่บริษัทผู้ออกตราสารหนี้เสนอเรื่องที่ไม่ได้มีการกำหนดในแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง บริษัทฯ จะออกเสียงโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยรวมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นสำคัญ
       
      หลักเกณฑ์ในการใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวม
      1. หลักการออกเสียงเพื่อรับรองงบฐานะการเงินและผลการดำเนินงานประจำปี ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณางบการเงินและคำอธิบายเพิ่มเติม ในหมายเหตุงบการเงินของผู้ตรวจสอบบัญชีและรายงานที่เกี่ยวข้องของกองทุนรวมแล้วเห็นว่า ไม่มีส่วนใดแสดงข้อมูลไม่ถูกต้อง ตรงกับที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมและเป็นผลประโยชน์ต่อกองทุนรวม หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain) 
       
      1. หลักการในการออกเสียงเพื่อแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการของบริษัทจัดการกองทุนรวม
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาถึงโครงสร้างคณะกรรมการให้มีองค์ประกอบให้มีความเหมาะสมและมีความเป็นอิสระ รวมถึงพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสมของกรรมการ คือ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถมีความเข้าใจในธุรกิจ มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาคุณสมบัติในรายละเอียดของข้อมูลเบื้องต้นของกรรมการ เช่น  อายุ  ประสบการณ์การทำงาน  ประวัติการศึกษา เป็นต้น ให้คุณสมบัติโดยรวมเหมาะสมกับการประกอบการของธุรกิจ หากเป็นกรรมการเดิมที่จะแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ควรดูผลการปฏิบัติงานของกรรมการเดิมที่ผ่านมาว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจหรือไม่ เช่น ประวัติการเข้าร่วมประชุม การร่วมเสนอความคิดเห็นที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการกองทุนและผู้ถือหน่วย เมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against) อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      1. หลักการในการออกเสียงเพื่อแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของกองทุนรวมหรือบริษัทจัดการกองทุนรวม
      พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาชื่อผู้สอบบัญชีและชื่อสำนักงานสอบบัญชี  ถึงความน่าเชื่อถือของสำนักงาน หรือตรวจสอบรายชื่อผู้สอบบัญชีจากการขึ้นบัญชีเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ถูกต้อง ตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศที่กองทุนรวมหรือบริษัทจัดการกองทุนรวมนั้นจดทะเบียนอยู่ บริษัทฯ จะทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการสอบบัญชีกับปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ควรแตกต่างกันมากนัก หากมีค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าเพิ่มขึ้นเพราะเหตุใด เช่น มีปริมาณงานการตรวจสอบเพิ่มขึ้นเป็นต้น อีกทั้ง ไม่ควรมีการใช้ผู้สอบบัญชีรายเดิมติดต่อกันเกินกว่า 5 ปี ควรเว้นช่วงอย่างน้อย 2 รอบปีบัญชีขึ้นไป นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชี บริษัทจัดการกองทุนรวมควรแจ้งเหตุผลการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีอย่างชัดเจน หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)  
       
      1. หลักการในการพิจารณาวาระอื่นๆ
      บริษัทฯ เห็นสมควรงดออกเสียง หากมีวาระอื่นแทรกในการประชุมที่ต้องใช้สิทธิออกเสียงโดยไม่แจ้งเป็นการล่วงหน้า เนื่องจากมิได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทฯ ก่อน
       
      1. หลักการในการพิจารณาเรื่องอื่นๆ ที่มิได้มีการกำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง
      ในกรณีที่การประชุมมีวาระที่ไม่ได้มีการกำหนดในแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง บริษัทฯ จะออกเสียงโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยรวมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นสำคัญ
       
       
      หลักเกณฑ์ในการใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหน่วย Infra และหน่วย Property และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
      1. การรับรองงบฐานะการเงินและ ผลการดำเนินงานประจำปี ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับหรือต่อมูลค่าหน่วยลงทุน (shareholder’s value)
      หลักการในการออกเสียง :  พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณางบการเงินและคำอธิบายเพิ่มเติม ในหมายเหตุงบการเงินของผู้ตรวจสอบบัญชี และรายงานประจำปี แล้วเห็นว่าไม่มีส่วนใดแสดงข้อมูลไม่ถูกต้อง รวมทั้งตรวจรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กับผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่และผู้บริหารว่ามีความถูกต้องตรงกับที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุม และเป็นผลประโยชน์ต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งจะเปรียบเทียบฐานะการเงินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จากปีที่ผ่านมาว่ามีความสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานกับภาวะเศรษฐกิจ หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  อีกทั้งหากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain) 
       
      1. พิจารณารับทราบการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
      หลักการในการออกเสียง :  พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยเป็นไปตามนโยบายและสอดคล้องกับโครงการ หนังสือชี้ชวน หรือเอกสารที่ระบุแนวทางการดำเนินงานของผู้ออกหน่วยลงทุนไว้ อย่างไรก็ตาม หากอัตราการจ่ายเงินปันผลมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปราศจากเหตุผลที่สมควร บริษัทฯ อาจพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  อีกทั้ง หากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)
       
      1. การเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนเพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม การกำหนดราคาและจำนวนของหน่วยลงทุนที่จะออกและเสนอขายเพิ่มเติม
      หลักการในการออกเสียง :  พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการเพิ่มเงินทุนเพื่อลงทุนในกรรมสิทธิ์หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินอื่นๆ เพิ่มเติม และผลตอบแทนแก่กองทุนตามการประมาณการข้อมูลการเงินในอนาคตของหน่วยลงทุนจะไม่ลดลงกว่าเดิม หรือเพื่อดำเนินการในเรื่องการปรับปรุงทรัพย์สินของหน่วยลงทุนให้มีสภาพที่ดี หรือ การต่อเติมขยายทรัพย์สินโครงการ เพื่อที่จะมีความพร้อมที่จะใช้หาผลประโยชน์ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าธุรกรรมดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็จะพิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ  (For) และหากธุรกรรมดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)
       
      1. วิธีการเสนอขายและการจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมและการนำหน่วยลงทุนใหม่จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะบียนในตลาดหลักทรัพย์
      หลักการในการออกเสียง :  พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อบริษัทจัดการของหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน (Right Offering) เป็นอันดับแรกก่อนที่จะเสนอขายเพิ่มเติมด้วยวิธีการอื่น ก็จะพิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ  (For) โดยหากไม่เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวทางบริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)
       
      1. การแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
      หลักการในการออกเสียง :  พิจารณาเห็นด้วยหรือรับทราบ (For) ก็ต่อเมื่อทางบริษัทฯ พิจารณาชื่อผู้สอบบัญชี และชื่อสำนักงานสอบบัญชี  ถึงความน่าเชื่อถือของสำนักงาน หรือตรวจสอบรายชื่อผู้สอบบัญชีจากการขึ้นบัญชีเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ถูกต้อง ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือ ตลาดหลักทรัพย์กำหนด  บริษัทฯ จะทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี กับปีที่ผ่านมาไม่ควรแตกต่างกันมากนัก   หากมีค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าเพิ่มขึ้นเพราะเหตุใด เช่น มีปริมาณงานการตรวจสอบเพิ่มขึ้นเป็นต้น  กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ควรแจ้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอบบัญชีกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ว่ามีความเป็นอิสระจากกันอย่างแท้จริง หากเมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วมีส่วนใดที่ไม่ตรงตามดังที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาไม่เห็นด้วย (Against)  อีกทั้งหากข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาบริษัทฯ จะทำการงดออกเสียง (Abstain)  
       
      1. การพิจารณาวาระอื่นๆ 
      หลักการในการออกเสียง : บริษัทฯ จะเห็นสมควรงดออกเสียงหากมีวาระอื่นแทรกในการประชุมที่ต้องใช้สิทธิออกเสียงโดยไม่แจ้งเป็นการล่วงหน้า เนื่องจากมิได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทก่อน
       
      1. เรื่องอื่นๆ
      ในกรณีที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ เสนอเรื่องที่ไม่ได้มีการกำหนดในแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง บริษัทฯ จะออกเสียงโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของกองทุนฯ เป็นสำคัญ
       
      การพิจารณารายละเอียดของการประชุมฯ เพื่อใช้สิทธิออกเสียงในนามกองทุนฯ
      บริษัทจัดการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการประชุมฯ ต่อคณะกรรมการจัดการลงทุน โดยคณะกรรมการจัดการลงทุนจะพิจารณาใช้สิทธิออกเสียงอย่างเป็นอิสระ มีการปฏิบัติตามแนวทางในการป้องกันการทำธุรกรรมที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเคร่งครัด ตามหลักบรรษัทภิบาล และเป็นไปตามนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ โดยถือเอาผลประโยชน์ของกองทุนฯ เป็นสำคัญ เพื่ออนุมัติให้สายงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงในนามกองทุนฯ ต่อไป ทั้งนี้ หากมีการพิจารณาใช้สิทธิออกเสียงใดที่ต้องทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบ / ผลดี / ผลเสีย ที่มีต่อกองทุนฯ อย่างมีนัยสำคัญ (เช่น ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน การจ่ายเงินปันผล ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับหรือต่อมูลค่าหุ้น ,การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินสำคัญ การซื้อขายหรือให้เช่ากิจการ การควบ หรือรวมกิจการ การจ้างบริหาร และการครอบงำกิจการ ,การแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการของบริษัท, การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ,การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่กรรมการของบริษัท การเสนอขายหลักทรัพย์แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท, การทำธุรกรรมที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น หรือการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน ,การเปลี่ยนประเภทธุรกิจของบริษัท หรือวัตถุประสงค์ของบริษัท,การแก้ไขข้อบังคับของบริษัท หรือ การแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของบริษัท เป็นต้น) ให้บริษัทจัดการจัดทำบันทึกแสดงความจำนงค์ให้ฝ่ายวิจัยทำรายงานการวิเคราะห์ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการใช้สิทธิออกเสียงในวาระการประชุมฯ

      สำหรับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุม ที่บริษัทฯ มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ กรณีที่กองทุนรวมลง ทุนในหน่วยลงทุนของอีกกองทุนรวมหนึ่ง ที่บริษัทฯ เป็นผู้บริหารจัดการ บริษัทฯ จะเลือกอ้างอิงตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน เรื่อง การกำหนดมิให้กองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการเดียวกันมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน สำหรับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เกิดกับกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทฯ จะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาออกเสียงโดยปราศจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ถือเป็นการใช้สิทธิออกเสียงเสมือนการถือครองหน่วยลงทุนทั่วไป

      หากผู้จัดการประชุมฯ มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประชุม หลังจากที่คณะกรรมการจัดการลงทุนมีมติแล้วนั้น ให้บริษัทจัดการจัดทำรายงานนำเสนอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ต่อคณะกรรมการจัดการลงทุนโดยเร็ว และหากมีวาระการประชุมฯ ใด ที่บริษัทผู้จัดการประชุมฯ มิได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาออกเสียงอย่างเพียงพอ คณะกรรมการจัดการลงทุนอาจมีมติงดออกเสียงในวาระการประชุมฯ ดังกล่าวได้
      บริษัทฯ อาจพิจารณาไม่ใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมฯ ในกรณีที่กองทุนฯ ไม่ได้ลงทุนในหลักทรัพย์แล้ว ณ วันที่คณะกรรมการจัดการลงทุนมีมติ รวมถึงกรณีที่บริษัทฯ มิได้รับมอบอำนาจจากกองทุนฯ ให้ใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมด้วย 
       
      การจัดเตรียมเอกสารและดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงในนามของกองทุนฯ โดยผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ
      บริษัทจัดการจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมประชุมฯ พร้อมจัดทำใบมอบฉันทะที่ระบุการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนในแต่ละวาระการประชุมฯ ตามที่คณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทฯ มีมติไว้ จากนั้น ให้ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ อันได้แก่ พนักงานของบริษัทฯ / ผู้ดูแลผลประโยชน์ / ผู้รับฝากทรัพย์สินของกองทุนฯ / นายทะเบียนผู้ออกหลักทรัพย์ / ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ / กรรมการอิสระ / ผู้จัดการกองทุนของผู้ออกหลักทรัพย์ ดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงในนามของกองทุนฯ ผ่านการเข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง หรือผ่านการแจ้งด้วยจดหมาย / หนังสือลงนาม / Instruction / จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการลงมติผ่านระบบออนไลน์ ที่ได้รับอนุญาตจากผู้ออกหลักทรัพย์หรือผู้จัดการประชุมฯ เพื่อแจ้งมติการลงคะแนนไปยังผู้ออกหลักทรัพย์หรือผู้จัดการประชุมฯ  ทั้งนี้ การใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนของผู้รับมอบอำนาจ จะต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทฯ มีมติไว้และผู้รับมอบอำนาจจะไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงการออกเสียงลงคะแนนให้ต่างไปจากมติของคณะกรรมการจัดการลงทุนได้
       
      การเปิดเผยแนวทางปฏิบัติในการใช้สิทธิออกเสียง และการดำเนินการใช้สิทธิออกเสียง ในนามกองทุนต่อผู้ลงทุน
      เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการไปใช้สิทธิออกเสียงของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงได้กำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลแนวทางในการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมของบริษัทฯ และรายงานการใช้สิทธิออกเสียงการประชุมของกองทุนที่บริษัทฯ เป็นผู้ใช้สิทธิออกเสียงและกองทุนที่มีการแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนภายนอกเป็นผู้ใช้สิทธิออกเสียงต่อผู้ลงทุน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยจะจัดทำรายงานเป็นรายไตรมาสและเปิดเผยไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ


      Shortcut Menu

      • Home
      • About KTAM
      • Mutual Funds
      • Provident Funds
      • Private Funds
      • Property/REIT
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • Top Performance Fund
      • Dividend
      • News/Research
      • Asset Allocation Strategy
      • Documents and Forms
      • Promotions
      • Calendar
      • Activities
      • Procurement
      • AIMC Category
        Performance Report
      • FAQs
      • Investment Knowledge
      • Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies
      • Manage Cookie Preference
      • E-newsletter
      • Contact Us
      • Career
      • Privacy Notice
      Go To Top
      Stay Connect with us:
      • Facebook
      • Twitter
      • Youtube

      Copyright © 2016 Krungthai Asset Management Public Company Limited

      Tel: 0-2686-6100 FAX: 0-2670-0430 Toll Free Number:1-800-295-592

      Email: [email protected]

      Tax ID 0-1075-45000-37-3 : Head Office

      • Affiliates
      • Related Links
      • Sitemap

      USE AND MANAGEMENT OF COOKIES

      Our website use cookie to enhance user experience. You may adjust your cookie preference and learn more about the cookie we use by visiting Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies and Manage Cookie Preference

       MANAGE COOKIE PREFERENCE

      When you use our website, we use necessary cookies to ensure that our website will work properly. We also use other types of cookie to correct information about how you interact with our website and use the information to enhance the user experience. However, you can adjust your cookie preference at any time, and we will not use the cookies that you had disabled.

      To learn more about the cookie we use, visit us at Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies


      Manage Cookie Preference

      Necessary cookies

      Necessary cookies enable core functionalities such as security, network management, and accessibility.

      Analytics cookies

      Google Analytics helps us to improve our website by collecting and reporting your usage information on the website. These cookies collect information in a way that does not identify anyone directly.